สำนักงานผู้ประสานงานสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ประจำประเทศไทย ออกแถลงการณ์สนับสนุนนโยบายของรัฐบาลไทยในการห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้า โดยระบุว่า บุหรี่ไฟฟ้าเป็นภัยต่อความพยายามในการควบคุมการบริโภคยาสูบของไทย และลดทอนความสำเร็จที่สร้างมาในช่วงหลายทศวรรษ
หน่วยงานของสหประชาชาติสนับสนุนการห้ามจำหน่ายและนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้าของประเทศไทย รวมถึงขอให้รัฐบาลไทยใช้มาตรการที่เข้มข้นตามบริบทของประเทศ เพื่อปกป้องประชาชนในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเยาวชน จากอันตรายของการสูบบุหรี่ทุกชนิด
ทั้งนี้ จดหมายจากสำนักงานผู้ประสานงานยูเอ็นประจำประเทศไทย ที่ยื่นถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ผลการศึกษาหลายฉบับเปิดเผยว่าบุหรี่ไฟฟ้าเป็นอันตรายต่อสุขภาพ อีกทั้งบุหรี่ไฟฟ้ายังทำให้เยาวชนมีความเสี่ยงที่จะเสพติดนิโคติน รวมถึงกลายเป็นผู้ที่สูบทั้งบุหรี่ไฟฟ้าและบุหรี่ธรรมดาไปพร้อมกัน การสูบบุหรี่ทุกชนิดคร่าชีวิตคนไทยกว่า 70,000 คนต่อปี และก่อให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจเป็นมูลค่าถึง 93,000 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 0.65 ของผลิตภัณฑ์รวมในประเทศ (จีดีพี)
นายเรอโน เมแยร์ ผู้แทนโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นดีพี) ประจำประเทศไทย ระบุด้วยว่า บุหรี่ไฟฟ้าเป็นภัยต่อความพยายามในการควบคุมการบริโภคยาสูบของไทย และลดทอนความสำเร็จที่สร้างมาในช่วงหลายทศวรรษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอัตราการใช้บุหรี่ไฟฟ้าในเด็กนักเรียนไทย (อายุ 13-15 ปี) ที่เพิ่มจากร้อยละ 3.3 ในปี 2558 เป็นร้อยละ 8.1 ในปี 2564
ขณะที่แพทย์หญิงเรณู มาดันลัล การ์ก รักษาการผู้แทนองค์การอนามัยโลก (WHO) ประจำประเทศไทย ชื่นชมความพยายามของรัฐบาลไทยในการควบคุมการสูบบุหรี่ทุกชนิด แต่ได้เน้นย้ำความสำคัญของการบังคับใช้มาตรการควบคุมการบริโภคยาสูบอย่างครอบคลุม เพื่อลดการเสพติดนิโคตินและการสูบบุหรี่ และเพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติของกรอบอนุสัญญาขององค์การอนามัยโลกว่าด้วยการควบคุมยาสูบ ส่วนที่มีการกล่าวอ้างเรื่องความปลอดภัยของบุหรี่ไฟฟ้านั้น ขอยืนยันว่าองค์การอนามัยโลกไม่เคยกล่าวว่าบุหรี่ไฟฟ้ามีอันตรายต่อสุขภาพ น้อยกว่าบุหรี่ธรรมดา
นอกจากนี้ องค์การอนามัยโลกเคยเผยแพร่แถลงการณ์ที่แนะนำให้ใช้แนวทางที่ทดสอบแล้วว่าได้ผลในการช่วยเลิกบุหรี่ เช่น การรับคำปรึกษาจากบุคลากรสาธารณสุข สายด่วนเลิกบุหรี่ ข้อความเตือนทางโทรศัพท์ การบำบัดโดยใช้นิโคตินทดแทน และยาช่วยเลิกบุหรี่ เป็นต้น