นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชื่นชมผลสำเร็จจากโครงการภูเก็ตแซนด์บอกซ์ ที่เปิดมา 3 เดือน สร้างมูลค่าหมุนเวียนทางเศรษฐกิจกว่า 2,330 ล้านบาทแล้ว โดยปัจจุบัน (ข้อมูลถึงวันที่ 7 ตุลาคม 2564) มีจำนวนนักท่องเที่ยวสะสม 43,026 คน ในขณะที่จำนวนการจองที่พัก สำหรับการเข้าพักระหว่างเดือนกรกฎาคม 2564 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2565 อยู่ที่ 779,502 คืน โดยนักท่องเที่ยว 5 อันดับแรก มาจาก
อเมริกา อิสราเอล อังกฤษ เยอรมนี และฝรั่งเศส
ส่วนโครงการสมุยพลัส และโครงการส่วนขยายของภูเก็ตแซนด์บอกซ์ 7+7 มีจำนวนนักท่องเที่ยวสะสม 1,069 คน
ทั้งนี้ รัฐบาลจะเดินหน้าเปิดอีก 5 พื้นที่ท่องเที่ยว เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ในวันที่ 1 พฤศจิกายน ได้แก่ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ (อ.เมือง อ.แม่ริม อ.แม่แตง อ.ดอยเต่า) ประจวบคีรีขันธ์ (อ.หัวหิน) เพชรบุรี (อ.ชะอำ) และชลบุรี (เมืองพัทยา อ.บางละมุง อ.สัตหีบ) แต่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไข คือ ในระหว่างทางก่อนถึงวันที่ 1 พฤศจิกายน จังหวัดที่กำหนดไว้จะต้องไม่พบการติดเชื้อโควิด-19 ใหม่ที่เป็นคลัสเตอร์ขนาดใหญ่และรุนแรงจนสร้างความกังวลสูงอีกรอบ โดยเฉพาะกรุงเทพฯ
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า รัฐบาลได้คาดการณ์เป้าหมายรายได้รวมการท่องเที่ยวในปี 2565 อยู่ที่ 1.5 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย 15 ล้านคน สร้างรายได้ประมาณ 6 แสนล้านบาท ส่วนตลาดไทยเที่ยวไทย เกิดการเดินทาง 160 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้ประมาณ 8 แสนล้านบาท ซึ่งหากประเมินในแง่รายได้ของตลาดรวมจะคิดเป็น 50% ของปีปกติ ก่อนเกิดการระบาดโควิด-19 หรือปี 2562 ที่มีรายได้
จากการท่องเที่ยวรวมอยู่ที่ 3.4 ล้านล้านบาท
ทั้งนี้ จากการประเมินจากการเปิดภูเก็ตแซนด์บอกซ์ จากจำนวนต่างชาติที่เข้ามา ไม่พบว่ามีการติดเชื้อโควิด-19 ที่ระหว่างต่างชาติกับคนไทย จึงขอให้มั่นใจและร่วมเดินหน้าพลิกโฉมการท่องเที่ยวไทยสู่การกระจายรายได้สู่ชุมชน และรักษาการจ้างงาน ใช้โอกาสนี้ฟื้นฟูเศรษฐกิจไปด้วยกัน