นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า รัฐบาลมั่นใจสามารถจัดหาวัคซีนโควิด-19 ครบตามแผนกว่า 126 ล้านโดส ภายในปลายปีนี้ โดยจัดหาวัคซีนโควิด-19 ภายใต้ 4 แนวทาง ได้แก่ แผนการจัดซื้อจากผู้ผลิตวัคซีนโควิด-19 โดยตรงกับผู้ผลิต บริษัท ให้มีความหลากหลายยี่ห้อ และเทคโนโลยี อาทิ แอสตร้าเซนเนก้า ไฟเซอร์ และซิโนแวค การจัดซื้อจากประเทศที่มีวัคซีนโควิด-19 เช่น เจรจาจัดซื้อวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าจากสเปน จํานวน 449,500 โดส ซึ่งรัฐบาลสเปนถือเป็นประเทศแรกในยุโรปที่ขายวัคซีนให้กับประเทศไทย และอยู่ระหว่างประสานงานกับอีกหลายประเทศ
การแลกเปลี่ยนวัคซีน (Vaccine Swap) เช่น รัฐบาลภูฏานได้แลกเปลี่ยนวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าล่วงหน้า จำนวน 105,000 โดส กับรัฐบาลไทย โดยส่งมอบให้ไทยแล้วเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม ที่ผ่านมา และการแลกเปลี่ยนวัคซีนระหว่างไทยและสิงคโปร์ จำนวน 122,400 โดส บนหลักการว่าไทยจะส่งมอบวัคซีนคืนกับสิงคโปร์ในภายหลัง และการบริจาค โดยไทยได้รับวัคซีนซิโนแวคจากจีน 1 ล้านโดส สหราชอาณาจักรมอบวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 415,000 โดส ญี่ปุ่นมอบวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 1.66 ล้านโด สหรัฐอเมริกามอบวัคซีนไฟเซอร์ จำนวนกว่า 1.5 ล้านโดส รวมถึงอยู่ระหว่างการหารือของคณะกรรมการร่วมไทย-สหรัฐฯ อีก 1 ล้านโดส
ทั้งนี้ ไทยจะบรรลุเป้าหมายการฉีดวัคซีนครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายไม่ต่ำกว่าร้อยละ 70 คิดเป็นประชากร 50 ล้านคน ภายในสิ้นปีนี้ ครอบคลุมเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป ผู้ที่เคยติดเชื้อโควิด-19 การฉีดเข็มกระตุ้นกับผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนชนิดเชื้อตายครบ 2 เข็มทุกราย นอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้วางแผนการฉีดวัคซีนโควิด-19 สำหรับชาวต่างชาติและแรงงานต่างด้าว ซึ่งจะเริ่มในเดือนตุลาคมนี้ ด้วย