นายแพทย์สราวุฒิ บุญสุข รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวถึงการควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ในโรงเรียน ว่า การจัดทำแนวทาง Sandbox Safety Zone in School เพื่อให้โรงเรียนและนักเรียนปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขที่กำหนด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 โดยกรมอนามัยได้ประชุมร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย และราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย สรุปผลการดำเนินงานจากโรงเรียนที่เข้าร่วม Sandbox Safety Zone in School จำนวน 68 แห่ง พบว่าผ่านเกณฑ์การประเมินจำนวน 48 แห่ง และมีโรงเรียนที่ไม่ได้เข้าร่วมโครงการแต่มีการเปิดเรียนโดยหย่อนมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 ที่พบบ่อย ได้แก่
1. โรงเรียนประจำยังมีบุคลากรภายนอกเข้า-ออกภายในโรงเรียน รวมทั้งพบครูยังเดินทางไป-กลับ ไม่มีการคัดกรองความเสี่ยง
2. โรงเรียนไม่มีการจัดระบบ Sandbox Safety Zone in School ที่มีประสิทธิภาพ
3. อาคารหอพักค่อนข้างแออัด ระยะห่างของเตียงนอนยังไม่ถึง 1 เมตร
ดังนั้น จึงจำเป็นต้องเน้นย้ำมาตรการ DMHTT อย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา แม้อยู่ในหอพัก
นอกจากนี้ สำหรับแนวทางในการจัดสรรวัคซีนในกลุ่มนักเรียนตั้งแต่อายุ 12-17 ปี ต้องมีการคำนึงถึงหลักฐานทางวิชาการ ประโยชน์ ข้อควรระวัง และความปลอดภัยทั้งในระยะสั้นและระยะยาว รวมถึงความพอเพียงของวัคซีนที่จะดำเนินการในกลุ่มเป้าหมายให้ทันช่วงเดือนตุลาคมนี้ด้วย
นายแพทย์สราวุฒิ ย้ำว่า ขอให้โรงเรียนที่มีการเปิดการเรียนการสอนปฏิบัติตามแนวทาง Sandbox Safety Zone in School ด้วยการจำกัดบุคคลเข้า-ออกโรงเรียนอย่างชัดเจน และจะมีการคัดกรองโดยใช้วิธี Antigen Test Kit เน้นการทำกิจกรรมในรูปแบบ Bubble and Seal ต้องปฏิบัติตามมาตรการของ Thai Stop COVID Plus มีระบบติดตามเข้มงวดของครูและบุคลากรพร้อมเฝ้าระวังสุ่มตรวจทุก 14 วัน หรือ 1 เดือนต่อภาคการศึกษา
ด้านครู บุคลากรทางการศึกษา มีการประเมินความเสี่ยงผ่าน Thai Save Thai สม่ำเสมอ และเข้มมาตรการด้านสุขอนามัยและสิ่งแวดล้อม รวมถึงมาตรการทางสังคม เพื่อให้เด็กปลอดภัยจากโรคโควิด-19 และในกรณีที่โรงเรียนมีการเปิดเรียนแล้ว แต่ต้องปิดเรียนเนื่องจากมีการติดเชื้อภายในโรงเรียน ต้องปฏิบัติตามแผนเผชิญเหตุของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด