พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวชี้แจงในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ว่า รัฐบาลมีการปรับกลยุทธ์เพื่อรับมือกับการระบาดโควิด-19 ตามสถานการณ์ โดยการระบาดระลอกแรกใช้เวลา 70 วัน จึงสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ส่วนระลอก 2 ใช้เวลาประมาณ 80 วัน ขณะที่ล่าสุดเมื่อเดือนพฤษภาคม 2564 มีการปรับแผนการรับมือโควิด-19 สายพันธุ์เดต้า ซึ่งมีการระบาดอย่างรวดเร็ว ยืนยันว่า ทุกมาตรการดำเนินการเพื่อให้ควบคุมการระบาดได้เร็วที่สุด
ส่วนสูตรการฉีดวัคซีนไขว้ เพื่อให้ทุกคนมีภูมิคุ้มกันสูง สอดรับกับการระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา ขณะที่มาตรการล็อกดาวน์สามารถควบคุมการเดินทางได้ พร้อมจัดการควบคู่กับมาตรการตรวจคัดกรองบุคคล พร้อมยืนยันว่า การจัดซื้อชุดตรวจ ATK เป็นไปตามกระบวนการ ซึ่งการจัดซื้อต้องผ่านการพิจารณาจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี
นายกรัฐมนตรี ระบุด้วยว่า การนำเอกสารมาอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎร ต้องเป็นเอกสารที่ถูกต้อง อย่านำเอกสารเท็จมาอภิปราย
ขณะที่การจัดซื้อวัคซีนโควิด-19 มีการวางแผนให้วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าเป็นวัคซีนหลัก และให้วัคซีนซิโนแวคเป็นวัคซีนเสริม เพราะเป็นวัคซีนเชื้อตาย มีผลข้างเคียงน้อย ล่าสุด ไทยฉีดวัคซีนไปแล้ว 32.6 ล้านโดส หลังจากนี้ตั้งเป้าฉีดวัคซีนให้ได้วันละ 900,000 โดส จากปัจจุบัน 600,000 โดส นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การอภิปรายด้อยค่าวัคซีนเป็นเรื่องละเอียดอ่อน จึงขอให้ ส.ส.อภิปรายอย่างรอบคอบ ยืนยันว่า การไม่เข้าร่วมโครงการโคแวกซ์ในระยะแรก ไม่ใช่การตัดสินใจที่ผิดพลาด เพราะต้องนำเงินจำนวนมากไปประกันไว้โดยที่ไม่สามารถระบุเวลาชัดเจนในการขอรับวัคซีนได้
ส่วนกรณีที่มีการอภิปรายว่าการจัดซื้อวัคซีนราคาสูงนั้น เป็นเรื่องของผู้ขายที่กำหนดราค าและในกระบวนการฉีดวัคซีนจะต้องมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ ประกอบด้วย ส่วนการบริหารจัดการเตียงรักษาผู้ป่วยโควิด-19 นั้น พยายามบริหารจัดการเตียงในกลุ่มสีเหลืองและสีแดง เพื่อให้ทุกคนเข้าถึงการรักษาได้อย่างเท่าเทียม เพื่อเดินหน้าสู่การเปิดประเทศ