ร.ท.สัมพันธ์ ขุทรานนท์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานดอนเมือง เปิดเผยว่า หลังจากศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด -19 หรือ ศบค. มีการผ่อนคลายมาตรการการเดินทางข้ามจังหวัด โดยมีผลวันนี้ (1 ก.ย.) เป็นวันแรก โดยในส่วนของท่าอากาศยานดอนเมืองพบว่าวันนี้มีเที่ยวบินให้บริการทั้งสิ้น 31 เที่ยวบิน โดยมีสายการบินให้บริการแล้ว 2 สายการบิน คือ นกแอร์ และไทยไลอ้อนแอร์ ส่วนสายการบินไทยแอร์เอเซีย จะเริ่มบินให้บริการในวันที่ 3 กันยายนนี้
อย่างไรก็ตาม แม้วันนี้จะมีเที่ยวบินให้บริการไม่มาก แต่ท่าอากาศยานดอนเมืองต้องขอประชาสัมพันธ์ให้ผู้เดินทางต้องเผื่อเวลาในการเดินทางเพิ่มขึ้นจากเดิม ก่อนขึ้นเครื่องไม่น้อยกว่า 1 ชั่วโมง โดยอาจจะต้องเพิ่มขึ้นอีก 30-45 นาที เนื่องจากขณะนี้สายการบินจำเป็นต้องใช้เวลาในการตรวจเอกสารเพิ่มเติมอย่างมาก เนื่องจากแม้มีการผ่อนคลายมาตรการการเดินทางแล้ว แต่จังหวัดปลายทาง โดยเฉพาะจังหวัดที่มีมาตรการเข้มงวดการเดินทางสูงสุด (แดงเข้ม) และจังหวัดอื่นๆ มีการตรวจคัดกรองผู้โดยสารที่ปลายทางเมื่อเดินทางมาถึง มีเงื่อนไขในการตรวจและความต้องการเอกสารที่แตกต่างกัน เช่น บางจังหวัดระบุเรื่องการฉีดวัคซีนครบถ้วน 2 เข็ม บางจังหวัดมีเงื่อนไขที่จะต้องมีการกักตัว ซึ่งผู้โดยสารจะต้องตรวจสอบเงื่อนไขการคัดกรองที่จังหวัดปลายทางให้ดี ขณะที่สายการบินก็ต้องมีการตรวจเอกสารเข้ม เนื่องจากหากเดินทางไปถึงแล้วไม่สามารถผ่านการตรวจสายการบินจะต้องรับภาระ ส่งผู้โดยสารกลับมาที่ต้นทางเดิม
นอกจากนี้ ยังมีปัญหาสำคัญ เนื่องจากความต้องการเดินทางของผู้โดยสารวันนี้ ที่ผู้โดยสารต้องการเดินทางมาก ในช่วงเวลาหนึ่งที่ผู้โดยสารได้รับความสะดวก เช่น เที่ยวบินในช่วงเช้า แต่หลังจากที่สายการบินแต่ละแห่งมีการหยุดทำการบินไปช่วงล็อกดาวน์ และมีการให้พนักงานเจ้าหน้าที่ Work from Home จำนวนหนึ่ง เมื่อกลับมาบินอีกครั้ง เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้างาน อาจยังไม่เพียงพอ โดยเฉพาะช่วงเวลาเร่งด่วนที่มีผู้โดยสารจำนวนมาก ดังนั้นในวันนี้ช่วงเย็น ฝ่ายบริหารท่าอากาศยานดอนเมือง จะมีการประชุมหารือร่วมกับทุกฝ่ายโดยเฉพาะผู้ประกอบการสายการบิน เพื่อถอดบทเรียนจากการให้บริการในวันนี้มาปรับปรุงบริการให้เกิดความคล่องตัวมากขึ้น
ทั้งนี้ นอกจากปัญหาที่เกิดขึ้นที่ท่าอากาศยานดอนเมืองแล้ว ที่จังหวัดปลายทางเมื่อผู้โดยสารเดินทางไปถึง ก็มีข้อติดขัดด้านเอกสาร โดยบางจังหวัดมีการกำหนดหลักเกณฑ์ว่า ผู้เดินทางจะต้องฉีดวัคซีนแล้ว โดยมีการระบุชื่อของวัคซีนในเอกสารคัดกรองปลายทางว่า เป็นวัคซีนชิโนแวค หรือวัคซีนเอสตร้าเซนเนก้า ซึ่งเป็นวัคซีนที่ฉีดส่วนใหญ่ในประเทศไทย แต่ผู้เดินทางบางรายมีการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ ซึ่งขณะนี้ก็มีฉีดให้ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงในประเทศไทยแล้ว โดยเจ้าหน้าที่ที่มีการตรวจคัดกรองที่จังหวัดปลายทาง ไม่กล้าตรวจผ่านให้ผู้เดินทางเข้าจังหวัด เนื่องจากวัคซีนไฟเซอร์ยังไม่มีชื่อระบุในเอกสาร กลายเป็นอุปสรรคในการเดินทางขณะนี้ และผู้ประกอบการสายการบินอยากให้คณะกรรมการควบคุมโรคในระดับจังหวัดเร่งปลดล็อกข้อจำกัดด้านเอกสารดังกล่าวเป็นการด่วน