นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้นำชาวบ้านผู้ปลูกยาเส้นและพ่อค้ารับซื้อยาเส้นจากเกษตร เดินทางมายื่นหนังสือร้องเรียนที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เนื่องจากถูกสรรพากรเพชรบูรณ์ พื้นที่สาขาหล่มสักเรียกเก็บภาษีแบบซ้ำซ้อน และภาษีย้อนหลังอย่างไม่เป็นธรรม อันอาจขัดต่อรัฐธรรมนูญ 2560 ม.62 ประกอบ ม.73
ทั้งนี้ สืบเนื่องมาจากเมื่อปลายเดือนกรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมา กรมสรรพากรได้สั่งการไปยังสรรพากรพื้นที่จังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยเร่งรัดให้เกษตรกรและผู้รับซื้อยาเส้น เร่งชำระภาษี ภงด.90 เสียโดยเร็ว รวมทั้งต้องชำระย้อนหลังตั้งแต่ปี 2561 – 2563 และครึ่งปีแรกของปี 2564 ด้วย ทั้งๆ ที่ทุกคนต่างได้ชำระภาษีสรรพสามิตในรูปแบบของการซื้ออากรแสตมป์ยาเส้นมาใช้แล้ว ในอัตรากิโลกรัมละ 100 บาท และชำระภาษ๊ให้กองทุนอื่น ๆ อีกรวมเป็นกิโลกรัมละ 117.50 บาท ซึ่งเป็นอัตราที่สูงมากอยู่แล้ว ซึ่งในอดีตมีการเรียกเก็บเพียงกิโลกรัมละ 5 บาทเท่านั้น ทำให้ต้องชำระภาษีดังกล่าวเพิ่มขึ้นมากกว่า 20 เท่า หรือ 2000% เลยทีเดียว และเมื่อกรมสรรพากร มาดำเนินการเรียกเก็บภาษีเงินได้ ภงด.90 เพิ่มขึ้นมาอีก ถือได้ว่าเป็นการเรียกเก็บภาษีแบบซ้ำซ้อน ไม่เป็นธรรมต่อเกษตรกรและผู้รับซื้อยาเส้นขนาดเล็ก โดยชัดแจ้ง
นอกจากนั้น การเรียกเก็บภาษี ภงด.90 ย้อนหลังจากเกษตรกรและผู้ค้ายาเส้นรายเล็กๆ ดังกล่าวย้อนหลัง ถือได้ว่าเป็นการใช้อำนาจหรือดุลยพินิจที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยเฉพาะในช่วงที่ประชาชน เกษตรกร และผู้ประกอบการยาเส้นพื้นเมืองทุกคนต่างต้องเผชิญกับปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า หรือโควิด-19 ซึ่งมีภาระค่าใช้จ่ายโดยที่รายรับไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด กลับมาถูกซ้ำเติมจากการใช้อำนาจและการใช้ดุลยพินิจที่ขาดความเป็นธรรมดังกล่าวของสรรพากรพื้นที่
ด้วยเหตุดังกล่าว ตัวแทนชาวบ้านผู้ปลูกยาเส้นและพ่อค้ารับซื้อยาเส้น จึงมาร้องขอให้สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ช่วยร้องเรียนให้ผู้ตรวจการแผ่นดินได้ใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญ 2560 ม.230(1) ประกอบ พรป.ว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดิน 2561 ม.22(1) ในการเสนอแนะหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องเพื่อให้มีการปรับปรุงกฎหมาย กฎ คำสั่ง หรือขั้นตอนการปฏิบัติงานใดๆ บรรดาที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนหรือไม่เป็นธรรมแค่ประชาชนหรือเป็นภาระแก่ประชาชนโดยไม่จำเป็นหรือเกินสมควรแก่เหตุเสีย หากไม่เป็นผลจะได้นำความไปยื่นฟ้องต่อศาลปกครองต่อไป