xs
xsm
sm
md
lg

กรมคุกเผยมีเรือนจำสีแดงเพิ่มเป็น 38 แห่ง มีผู้ติดเชื้อที่รักษาหายสะสมแล้ว 90.6%

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยถึงสถานการณ์โควิด-19 ในเรือนจำและทัณฑสถาน (ข้อมูล ณ วันที่ 20 สิงหาคม 2564 เวลา 16.00 น.) พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 235 ราย (พบในเรือนจำสีแดง 193 ราย และพบในห้องแยกกักโรคผู้ต้องขังรับใหม่ 42 ราย) รักษาหายเพิ่ม 600 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย ทำให้มีผู้ติดเชื้อที่ยังอยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์ 4,361 ราย (กลุ่มสีเขียว 86.9% สีเหลือง 12.7% และสีแดง 0.4%) เป็นพื้นที่กรุงเทพมหานคร 300 ราย ปริมณฑล 702 ราย และต่างจังหวัด 3,359 ราย

นายอายุตม์ กล่าวว่า ในวันนี้มีเรือนจำที่พบการแพร่ระบาดเพิ่ม 2 แห่ง คือ เรือนจำจังหวัดเพชรบูรณ์ และเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ที่กลับมาระบาดอีกครั้ง ส่งผลให้เรือนจำสีแดงเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 38 แห่ง ขณะที่เรือนจำสีขาวที่ไม่มีการแพร่ระบาด จำนวน 104 แห่ง โดยมีผู้ติดเชื้อรักษาหายสะสม 49,798 ราย หรือ 90.6% ของผู้ติดเชื้อสะสม 54,979 ราย เสียชีวิตสะสม 93 ราย คิดเป็นอัตรา 0.17% ของผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมด

สำหรับผู้เสียชีวิต เป็นผู้ต้องขังจากเรือนจำจังหวัดอ่างทอง ซึ่งเป็นกลุ่มเปราะบาง มีโรคประจำตัว แม้ว่าได้ดูแลรักษาอย่างเต็มประสิทธิภาพตามมาตรฐานโดยทีมแพทย์ และส่งต่อการรักษายังโรงพยาบาลภายนอกแล้ว แต่อาการยังคงไม่ดีขึ้น จนกระทั่งเสียชีวิตลง กรมราชทัณฑ์ขอแสดงความเสียใจต่อการจากไป มา ณ โอกาสนี้ ทั้งนี้ ได้ประสานญาติเพื่อนำร่างผู้เสียชีวิตไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนาตามวิธีการจัดการศพผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 เป็นที่เรียบร้อย

นายอายุตม์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมราชทัณฑ์มีมาตรฐานการดูแลรักษาผู้ต้องขังอย่างถูกต้อง ภายใต้การประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด อาทิ กรมควบคุมโรค กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข รวมถึงสำนักงานสาธารณสุข และโรงพยาบาลแม่ข่ายในแต่ละพื้นที่ ตั้งแต่เริ่มกระบวนการคัดกรองเพื่อค้นหาผู้ติดเชื้อให้เข้าถึงการรักษาอย่างทันท่วงที พร้อมทั้งการแยกกลุ่มผู้ติดเชื้อตามลักษณะอาการ เพื่อรับการรักษา รับยา ทั้งยาฟ้าทะลายโจร ยาฟาวิพิราเวียร์ หรือยาอื่นๆ ตลอดจนการส่งต่อการรักษาไปยังทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ หรือโรงพยาบาลเรือนจำกลางบางขวาง ที่มีบุคลากรทางการแพทย์ อุปกรณ์ และเครื่องมือเพียบพร้อม อีกทั้งโรงพยาบาลแม่ข่ายภายนอกในพื้นที่เพื่อรับการส่งต่อรักษาในกรณีที่ผู้ป่วยอาการหนัก ซึ่งในทุกกระบวนการเป็นไปตามหลักการดูแลรักษาผู้ต้องขังที่เป็นมาตรฐานตามแนวทางสาธารณสุข