นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ได้หารือกับนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ถึงแนวทางการเยียวยาธุรกิจท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในระลอกใหม่ โดยขอให้กระทรวงการคลังช่วยพิจารณาจัดวงเงินสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำมาช่วยเหลือธุรกิจท่องเที่ยว จากธนาคารออมสิน และธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) วงเงิน 8,000 ล้านบาท ซึ่งกระทรวงการคลังได้รับทราบเรื่องนี้และพร้อมประสานธนาคารทั้ง 2 แห่ง จัดเตรียมวงเงินให้แล้ว
สำหรับแนวทางการช่วยเหลือครั้งนี้ เบื้องต้นจะให้การช่วยเหลือเอกชนท่องเที่ยว 5 สมาคมก่อน ซึ่งเป็นกลุ่มที่ยื่นหนังสือมายังกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อขอความช่วยเหลือ คือ สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว สมาคมโรงแรมไทย สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ สมาคมสปาไทย และสมาคมผู้ประกอบการรถขนส่งทั่วไทย โดยที่ผ่านมาภาคเอกชนกลุ่มนี้ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์โควิด-19 อย่างหนัก และยังได้รับผลกระทบจากการจำกัดกิจกรรมและกิจการต่างๆ ด้วย
นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ในการหารือ กระทรวงการคลังยังได้รับข้อเสนอของเอกชนภาคการท่องเที่ยวที่เสนอเข้ามาถึงการปรับเปลี่ยนเงื่อนไขการกู้เงินจากเดิมที่กำหนดให้ใช้สินทรัพย์ในการค้ำประกันเงินกู้ มาเป็นการกำหนดให้ผู้กู้ที่เป็นภาคเอกชนจาก 5 สมาคมนี้ สามารถค้ำประกันไขว้กันแทนได้ เช่น ค้ำไขว้กันระหว่างบริษัทต่อบริษัท หรือผู้บริหารตัวต่อตัว เพราะแนวทางนี้จะสามารถปลดล็อกการกู้เงินได้สะดวกมากกว่า และทำให้ผู้ปรักอบการสามารถเข้าถึงแหล่งวงเงินได้ง่าย ซึ่งกระทรวงการคลังได้รับไปพิจารณาและมอบหมายให้ธนาคารต่างๆ เร่งไปปรับเงื่อนไขโดยเร็ว เพื่อให้สามารถกู้เงินได้ภายในปลายเดือนสิงหาคม หรือต้นเดือนกันยายนนี้ ต่อไป
สำหรับข้อเสนอเดิมของทางภาคเอกชนได้เสนอขอวงเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำไป 1 หมื่นล้านบาท เพื่อมาใช้รีสตาร์ตธุรกิจท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบ แต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แจ้งว่าตอนนี้มีเงินอยู่ประมาณ 8,000 ล้านบาท โดยขอให้ค้ำไขว้กันได้ ซึ่งขั้นตอนต่อจากนี้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจะตั้งโต๊ะเชิญผู้ประกอบการจากทั้ง 5 สมาคม ว่ามีรายใดต้องการสินเชื่อเท่าไร จากนั้นได้มอบหมายให้ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ไปหารือกับปลัดกระทรวงการคลังอีกครั้งเพื่อให้ได้ข้อสรุป โดยจะเร่งทำให้เร็วที่สุด ส่วนวงเงินที่เหลือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ระบุว่า หากเงินก้อน 8,000 ล้านบาทเต็มแล้ว อาจให้ธนาคารกรุงไทยเข้ามาปล่อยกู้ด้วย เพื่อให้ครบ 1 หมื่นล้านบาท