โรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า วันเสาร์ที่ 14 สิงหาคม วันที่ 126 ของโรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์และวันที่ 65 ของศูนย์รับวัคซีนธรรมศาสตร์รังสิต
แนวรบที่ด้านเหนือสถานการณ์ยังไม่เปลี่ยนแปลง ผู้ป่วยยังคงเต็มล้นในเตียงโรงพยาบาลเช่นเดิม เมื่อวานนี้มีผู้ป่วยโควิดเสียชีวิตในโรงพยาบาลของเราเพิ่มอีกสามคน ซึ่งนับรวมอยู่ในจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งประเทศ 217 คนในวันนี้ด้วย
จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ของประเทศในวันนี้คือ 22,036 คน อาจทำให้ไม่ต้องหนักใจมากยิ่งขึ้น กับจำนวนผู้ป่วยที่ไม่เพิ่มมากขึ้นกว่าเมื่อวาน พวกเราได้แต่ช่วยภาวนากันให้ตัวเลขอยู่แถวนี้ไปอีกสามสี่วันเพื่อให้ได้มีเวลาหายใจกันบ้างในโรงพยาบาลต่างๆ ขออย่าได้ไปถึงวันละสี่หมื่นคนอย่างที่โฆษก ศบค. และสธ.ประเมินไว้เลย
วันนี้ที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ เรารับผู้ป่วยใหม่จากการตรวจ swab เข้ามาอีก 32 คน รวมกับผู้ป่วยฉุกเฉินที่ผลตรวจเชื้อเป็นบวก และผู้ป่วยที่ส่งมาจากภายนอกอีกสี่ห้าราย โชคดีก็มีอยู่บ้าง วันนี้ไม่มีบุคลากรของโรงพยาบาลที่กลายเป็นผู้ติดเชื้อเลย
วันนี้ที่ยิม 4 เราฉีด Astra ที่ยังเหลือไม่มากนักให้กับผู้ที่รอคอยได้อีก 1,921 คน คงจะพอมีวัคซีนไปได้อีกเพียงสักสามวันเท่านั้นแหละ ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง พวกเราก็อาจจะต้องกลั้นน้ำตา และบอกกล่าวยุติการให้วัคซีนชั่วคราว กับผู้คนที่รอความหวังจากเราอยู่ในอีกไม่นานวันนี้ ด้วยความเสียใจจริงๆละนะ จะทำอย่างไรได้ เมื่อพวกเราอยากจะให้ความช่วยเหลือแก่ผู้คน แต่ไม่มีใครที่มีอำนาจจัดสรรวัคซีนที่คิดเหมือนเรา เรามีและจัดหาเตรียมการมาให้ได้ทุกอย่างแหละ นอกจากวัคซีนเท่านั้นที่ต้องพึ่งพากลไกของรัฐและกระทรวงสาธารณสุข ถ้าเขาไม่มีให้ หรือไม่อยากให้เราช่วยเหลือผู้คน เราก็คงดลบันดาลอะไรให้ดีกว่านี้ไม่ได้หรอกนะ
ที่จริงเราอยากจะบอกด้วยว่าวัคซีน Astra ของเราจะหมดในวันอาทิตย์พรุ่งนี้แล้วล่ะ แต่เราก็จะพยายามยืดเวลามันออกไปให้มากที่สุด เพราะไม่อยากนึกถึงสีหน้าและแววตาของคนที่จะผิดหวังเมื่อมาแล้วไม่มีวัคซีนจะฉีดให้ได้ ดังนั้น พวกเราที่ธรรมศาสตร์จึงบากหน้าไปขอยืมวัคซีน Astra จากโรงพยาบาลอื่นที่เป็นเพื่อนของเรา ที่เขายังพอมีวัคซีนเหลืออยู่บ้าง เพื่อมาใช้ฉีดต่อไปให้แก่ผู้คนไปได้อีกสองสามวัน ในจำนวน 5,000 โดส โดยสัญญาว่า เมื่อเราได้รับวัคซีนมาเพียงพอในเวลาต่อไป เราจะต้องส่งคืนกลับไปยังโรงพยาบาลเจ้าของวัคซีนที่เราขอยืมมาด้วย ที่นี่ พวกเราช่วยเหลือทำทุกทางให้แล้วจริงจริงนะ
ยิ่งมีการระบาดร้ายแรงและมีผู้ติดเชื้อรายใหม่และผู้เสียชีวิตมากขึ้น เราก็ยิ่งได้เห็นผู้คนที่หลั่งไหลเข้ามาขอรับความช่วยเหลือเรื่องวัคซีนจากเรามากขึ้นทุกที แต่ในทางตรงกันข้าม เมื่อเกิดสถานการณ์เช่นนี้ วัคซีนก็ดูจะมีมาให้น้อยลงไปเรื่อยๆ ด้วย อยากจะถามดังๆจริงๆ ว่า ไหนล่ะวัคซีนที่ผลิตได้ในประเทศไทย ไหนล่ะคือวัคซีนที่เราประกาศว่าได้สั่งซื้อเอาไว้มากกว่าหกสิบล้านโดสแล้ว และจะมีเพียงพอสำหรับทุกๆ คน
พวกเราคนไทยที่รู้สึกเดือดร้อน หวาดวิตกและกังวลกับโอกาสรอดชีวิตของเราเอง จะมีสิทธิ์จัได้รับคำอธิบายหรือชี้แจงจากใครๆที่มีหน้าที่บริหารประเทศ บริหารชีวิตของประชาชนไหมนะ ว่าสิ่งที่เขาพูด ที่สัญญากับเราไว้ ทำไมจึงไม่เป็นเช่นนั้น และพวกเราที่ตั้งตารอคอยกันอยู่ จะมีโอกาสได้รับวัคซีนเมื่อไหร่กันแน่นะ
อยากรู้จริงจริงนะ ว่าใครกันที่บริหารประเทศอยู่ และหัวใจเขาทำด้วยอะไรนะ
ช่างเถอะ คนหน้างานตัวเล็กๆอย่างพวกเรา ก็คงได้แค่กลั้นน้ำตา และก้มหน้าก้มตาทำงาน ทำหน้าที่ช่วยเหลือผู้คนที่เดือดร้อนต่อไป เท่าที่พวกเราจะสามารถทำให้ได้
วันนี้ที่รพ.สนาม เราส่งผู้ป่วยที่รักษาหายแล้ว กลับบ้านได้มากเป็นพิเศษถึง 44 คน และรับผู้ป่วยโควิดรายใหม่เข้ามาดูแลได้อีก 19 คน จำนวนผู้ป่วยที่พักค้างอยู่กับเราคืนนี้คือ 351 คน
วันนี้โครงการ Home Isolation ที่ได้ปรับระบบจัดการให้ดีขึ้นและจัดให้ผู้ป่วยในโครงการทุกรายได้เข้าถึงยา Favipilavir และเวชภัณฑ์ตั้งแต่วันแรกที่ลงทะเบียนเข้ามาในโครงการ แม้จะเป็นวันหยุด แต่เราก็สามารถรับผู้ป่วยใหม่เข้ามาดูแลได้อีกถึง 84 คน ทำให้จำนวนผู้ป่วยสะสมของโครงการนี้มีมากกว่า 1,500 คนแล้วนะ เป้าหมายระยะสั้นที่เราจะขยายโครงการออกไปรับผู้ป่วยให้ได้ถึง 2,000 คนให้เร็วที่สุด คงจะเป็นจริงได้ในสัปดาห์หน้านี้แหละ
เหนื่อยนะ กับงานที่เสี่ยงภัย และยืดเยื้อมากว่าห้าเดือน และจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มมากขึ้นเป็นทวีคูณ กับหน้างานใหม่ๆที่พวกเราพยายามจะเปิดให้มีขึ้นเพื่อช่วยรองรับดูแลผู้ที่เดือดร้อนเจ็บป่วยให้มากที่สุด แต่ที่ทำให้เหนื่อยมากกว่าก็คือ เมื่อมองกลับไปข้างหลัง ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครที่มีอำนาจหน้าที่ มาคอยช่วยเหลือสนับสนุนอะไรให้พวกเราได้มาก เท่าทันกับสถานการณ์การระบาด และจำนวนผู้ป่วยที่มากขึ้นเลย
อย่างเดียวที่ทำให้พวกเรายังคงมีขวัญและกำลังใจที่จะต่อสู้ต่อไป ก็คือผู้คนธรรมดาสามัญทั้งหลาย ซึ่งเป็นประชาชนทั่วไปที่ไม่มีหน้าที่รับผิดชอบอะไรเลย ที่คอยสนับสนุน ส่งกำลังใจและสิ่งของ ตลอดจนอาหารการกินที่หลั่งไหลมาจากที่ต่างๆ มาจากน้ำใจของพวกเราคนไทยด้วยกันเองนี่แหละ ที่ทำให้พวกเราตระหนักอยู่ตลอดเวลาว่า พวกเราทำงานหนักในสงครามครั้งนี้ไปเพื่ออะไรกัน
แนวรบที่ด้านเหนือสถานการณ์ยังไม่เปลี่ยนแปลง ผู้ป่วยยังคงเต็มล้นในเตียงโรงพยาบาลเช่นเดิม เมื่อวานนี้มีผู้ป่วยโควิดเสียชีวิตในโรงพยาบาลของเราเพิ่มอีกสามคน ซึ่งนับรวมอยู่ในจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งประเทศ 217 คนในวันนี้ด้วย
จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ของประเทศในวันนี้คือ 22,036 คน อาจทำให้ไม่ต้องหนักใจมากยิ่งขึ้น กับจำนวนผู้ป่วยที่ไม่เพิ่มมากขึ้นกว่าเมื่อวาน พวกเราได้แต่ช่วยภาวนากันให้ตัวเลขอยู่แถวนี้ไปอีกสามสี่วันเพื่อให้ได้มีเวลาหายใจกันบ้างในโรงพยาบาลต่างๆ ขออย่าได้ไปถึงวันละสี่หมื่นคนอย่างที่โฆษก ศบค. และสธ.ประเมินไว้เลย
วันนี้ที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ เรารับผู้ป่วยใหม่จากการตรวจ swab เข้ามาอีก 32 คน รวมกับผู้ป่วยฉุกเฉินที่ผลตรวจเชื้อเป็นบวก และผู้ป่วยที่ส่งมาจากภายนอกอีกสี่ห้าราย โชคดีก็มีอยู่บ้าง วันนี้ไม่มีบุคลากรของโรงพยาบาลที่กลายเป็นผู้ติดเชื้อเลย
วันนี้ที่ยิม 4 เราฉีด Astra ที่ยังเหลือไม่มากนักให้กับผู้ที่รอคอยได้อีก 1,921 คน คงจะพอมีวัคซีนไปได้อีกเพียงสักสามวันเท่านั้นแหละ ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง พวกเราก็อาจจะต้องกลั้นน้ำตา และบอกกล่าวยุติการให้วัคซีนชั่วคราว กับผู้คนที่รอความหวังจากเราอยู่ในอีกไม่นานวันนี้ ด้วยความเสียใจจริงๆละนะ จะทำอย่างไรได้ เมื่อพวกเราอยากจะให้ความช่วยเหลือแก่ผู้คน แต่ไม่มีใครที่มีอำนาจจัดสรรวัคซีนที่คิดเหมือนเรา เรามีและจัดหาเตรียมการมาให้ได้ทุกอย่างแหละ นอกจากวัคซีนเท่านั้นที่ต้องพึ่งพากลไกของรัฐและกระทรวงสาธารณสุข ถ้าเขาไม่มีให้ หรือไม่อยากให้เราช่วยเหลือผู้คน เราก็คงดลบันดาลอะไรให้ดีกว่านี้ไม่ได้หรอกนะ
ที่จริงเราอยากจะบอกด้วยว่าวัคซีน Astra ของเราจะหมดในวันอาทิตย์พรุ่งนี้แล้วล่ะ แต่เราก็จะพยายามยืดเวลามันออกไปให้มากที่สุด เพราะไม่อยากนึกถึงสีหน้าและแววตาของคนที่จะผิดหวังเมื่อมาแล้วไม่มีวัคซีนจะฉีดให้ได้ ดังนั้น พวกเราที่ธรรมศาสตร์จึงบากหน้าไปขอยืมวัคซีน Astra จากโรงพยาบาลอื่นที่เป็นเพื่อนของเรา ที่เขายังพอมีวัคซีนเหลืออยู่บ้าง เพื่อมาใช้ฉีดต่อไปให้แก่ผู้คนไปได้อีกสองสามวัน ในจำนวน 5,000 โดส โดยสัญญาว่า เมื่อเราได้รับวัคซีนมาเพียงพอในเวลาต่อไป เราจะต้องส่งคืนกลับไปยังโรงพยาบาลเจ้าของวัคซีนที่เราขอยืมมาด้วย ที่นี่ พวกเราช่วยเหลือทำทุกทางให้แล้วจริงจริงนะ
ยิ่งมีการระบาดร้ายแรงและมีผู้ติดเชื้อรายใหม่และผู้เสียชีวิตมากขึ้น เราก็ยิ่งได้เห็นผู้คนที่หลั่งไหลเข้ามาขอรับความช่วยเหลือเรื่องวัคซีนจากเรามากขึ้นทุกที แต่ในทางตรงกันข้าม เมื่อเกิดสถานการณ์เช่นนี้ วัคซีนก็ดูจะมีมาให้น้อยลงไปเรื่อยๆ ด้วย อยากจะถามดังๆจริงๆ ว่า ไหนล่ะวัคซีนที่ผลิตได้ในประเทศไทย ไหนล่ะคือวัคซีนที่เราประกาศว่าได้สั่งซื้อเอาไว้มากกว่าหกสิบล้านโดสแล้ว และจะมีเพียงพอสำหรับทุกๆ คน
พวกเราคนไทยที่รู้สึกเดือดร้อน หวาดวิตกและกังวลกับโอกาสรอดชีวิตของเราเอง จะมีสิทธิ์จัได้รับคำอธิบายหรือชี้แจงจากใครๆที่มีหน้าที่บริหารประเทศ บริหารชีวิตของประชาชนไหมนะ ว่าสิ่งที่เขาพูด ที่สัญญากับเราไว้ ทำไมจึงไม่เป็นเช่นนั้น และพวกเราที่ตั้งตารอคอยกันอยู่ จะมีโอกาสได้รับวัคซีนเมื่อไหร่กันแน่นะ
อยากรู้จริงจริงนะ ว่าใครกันที่บริหารประเทศอยู่ และหัวใจเขาทำด้วยอะไรนะ
ช่างเถอะ คนหน้างานตัวเล็กๆอย่างพวกเรา ก็คงได้แค่กลั้นน้ำตา และก้มหน้าก้มตาทำงาน ทำหน้าที่ช่วยเหลือผู้คนที่เดือดร้อนต่อไป เท่าที่พวกเราจะสามารถทำให้ได้
วันนี้ที่รพ.สนาม เราส่งผู้ป่วยที่รักษาหายแล้ว กลับบ้านได้มากเป็นพิเศษถึง 44 คน และรับผู้ป่วยโควิดรายใหม่เข้ามาดูแลได้อีก 19 คน จำนวนผู้ป่วยที่พักค้างอยู่กับเราคืนนี้คือ 351 คน
วันนี้โครงการ Home Isolation ที่ได้ปรับระบบจัดการให้ดีขึ้นและจัดให้ผู้ป่วยในโครงการทุกรายได้เข้าถึงยา Favipilavir และเวชภัณฑ์ตั้งแต่วันแรกที่ลงทะเบียนเข้ามาในโครงการ แม้จะเป็นวันหยุด แต่เราก็สามารถรับผู้ป่วยใหม่เข้ามาดูแลได้อีกถึง 84 คน ทำให้จำนวนผู้ป่วยสะสมของโครงการนี้มีมากกว่า 1,500 คนแล้วนะ เป้าหมายระยะสั้นที่เราจะขยายโครงการออกไปรับผู้ป่วยให้ได้ถึง 2,000 คนให้เร็วที่สุด คงจะเป็นจริงได้ในสัปดาห์หน้านี้แหละ
เหนื่อยนะ กับงานที่เสี่ยงภัย และยืดเยื้อมากว่าห้าเดือน และจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มมากขึ้นเป็นทวีคูณ กับหน้างานใหม่ๆที่พวกเราพยายามจะเปิดให้มีขึ้นเพื่อช่วยรองรับดูแลผู้ที่เดือดร้อนเจ็บป่วยให้มากที่สุด แต่ที่ทำให้เหนื่อยมากกว่าก็คือ เมื่อมองกลับไปข้างหลัง ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครที่มีอำนาจหน้าที่ มาคอยช่วยเหลือสนับสนุนอะไรให้พวกเราได้มาก เท่าทันกับสถานการณ์การระบาด และจำนวนผู้ป่วยที่มากขึ้นเลย
อย่างเดียวที่ทำให้พวกเรายังคงมีขวัญและกำลังใจที่จะต่อสู้ต่อไป ก็คือผู้คนธรรมดาสามัญทั้งหลาย ซึ่งเป็นประชาชนทั่วไปที่ไม่มีหน้าที่รับผิดชอบอะไรเลย ที่คอยสนับสนุน ส่งกำลังใจและสิ่งของ ตลอดจนอาหารการกินที่หลั่งไหลมาจากที่ต่างๆ มาจากน้ำใจของพวกเราคนไทยด้วยกันเองนี่แหละ ที่ทำให้พวกเราตระหนักอยู่ตลอดเวลาว่า พวกเราทำงานหนักในสงครามครั้งนี้ไปเพื่ออะไรกัน