พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 09.00 น. พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกระทรวงกลาโหม ประชุมติดตามการสนับสนุนรัฐบาลแก้ปัญหาวิกฤตโควิด-19 ร่วมกับ กอ.รมน. หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม (นขต.กห.) เหล่าทัพ และตำรวจ ผ่านระบบ VTC ณ ศาลาว่าการกลาโหม
โดยภาพรวมฝ่ายความมั่นคงยังคงจับกุมผู้ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายได้ต่อเนื่อง ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2563 ถึงปัจจุบัน จับกุมได้ถึง 44,168 คน พื้นที่ชายแดน 33,576 คน และพื้นที่ชั้นใน 10,592 คน เป็นผู้นำพา 411 คน ขณะที่เดือนกรกฎาคม 2564 จับกุมได้กว่า 4,300 คน
จากการประเมินสถานการณ์ในเมียนมา ทั้งสภาพเศรษฐกิจ ความรุนแรงที่ยังมีอยู่ และสถานการณ์โควิด-19 ที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากขึ้นต่อเนื่อง มีความน่ากังวลและต้องเฝ้าระวังอย่างมากกับแนวชายแดนติดกันที่ยาวถึง 2,401 กิโลเมตร โดยขณะนี้ฝ่ายความมั่นคงได้หารือร่วมเสริมกำลังและเตรียมรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดน ทั้งทางบกและทางน้ำมากขึ้น
สำหรับการติดตามช่วยเหลือประชาชนในวิกฤตโควิด-19 ทหาร ตำรวจ ได้จัดกำลังเข้าไปเสริมการทำงานในพื้นที่สีแดงเข้ม 13 จังหวัด มากขึ้น เพื่อนำผู้ป่วยติดเชื้อที่มีมากและอาจติดค้างตามบ้านไม่ได้รับการดูแล เข้าสู่ระบบการรักษาให้มากที่สุด ผ่านการติดต่อ "ศูนย์การเคลื่อนย้ายผู้ป่วย" และ "จุดบริการประชาชน" ที่กระจายกำลังลงจัดตั้งในพื้นที่ชุมชนต่างๆ โดยเฉพาะพื้นที่กรุงเทพมหานคร
ทั้งนี้ กำลังทหารและตำรวจได้พยายามสนับสนุนกรุงเทพมหานครให้สามารถจัดตั้งและบริหารจัดการพื้นที่แยกพักรักษาตัวในชุมชน (Community Isolation : CI) ให้ได้อย่างน้อย 1 แห่ง ในทุกเขต เพื่อลดปัญหาคอขวด เปิดพื้นที่นำผู้ป่วยสีเขียวตามบ้านแยกออกมาเข้ารับการดูแลรักษาตามระดับอาการ โดยสนับสนุนการทำงานร่วมกับโรงพยาบาลสนามที่มีจำกัด อย่างไรก็ตาม กองทัพอยู่ระหว่างเร่งเสริมขีดความสามารถโรงพยาบาลสนามของทุกเหล่าทัพที่มีอยู่ 29 แห่ง และเตรียมจัดตั้งเพิ่ม โดยประสานการทำงานร่วมกับสาธารณสุขในแต่ละจังหวัด พร้อมทั้งเร่งจัดตั้ง CI ในหน่วยทหาร เพื่อสนับสนุนดูแลชุมชนโดยรอบ
พล.อ.ชัยชาญ ย้ำว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้แสดงความขอบคุณและเป็นกำลังใจให้ทหาร-ตำรวจทุกนาย ที่ร่วมกันเป็นด่านหน้าช่วยเหลือดูแลประชาชนรับมือกับวิกฤติโควิดที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง พร้อมย้ำให้กองกำลังป้องกันชายแดนทุกเหล่าทัพและตำรวจ ประสานการทำงานร่วมกับฝ่ายปกครอง เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินชายแดนที่อาจเกิดขึ้น โดยตั้งอยู่ในความไม่ประมาท พร้อมทั้งขอให้ระดมทรัพยากรเร่งสนับสนุนทุกจังหวัดให้สามารถจัดตั้งโรงพยาบาลสนามเพิ่มเติม และพื้นที่แยกพักรักษาตัวในชุมชน (Community Isolation) ให้เพียงพอรองรับการดูแลผู้ป่วยที่ติดเชื้อในพื้นที่สีแดงเข้มเป็นการเร่งด่วนให้มากที่สุด โดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร
พร้อมกันนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ได้กำชับให้ทุกเหล่าทัพเร่งขยายขีดความสามารถของโรงพยาบาลหน่วยทหาร ให้สามารถรองรับผู้ป่วยสีแดงและเหลืองได้มากขึ้น พร้อมทั้งขอให้ช่องทางสายด่วน 1138 ที่จัดตั้งขึ้น ทำงานร่วมกับ "จุดบริการประชาชน" ที่กระจายอยู่ในพื้นที่ เปิดช่องทางสื่อสารลงถึงผู้นำชุมชน ช่วยกันจัดชุดเคลื่อนที่เร็ว รุกเข้าไปช่วยเหลือประชาชนให้ทั่วถึงและทันกับความต้องการ พร้อมกันนี้ ขอให้ทุกเหล่าทัพช่วยเหลือเกษตรกร เก็บ คัดแยก ขนส่ง รวมทั้งรับซื้อและกระจายพืชผลการเกษตร โดยเฉพาะมังคุดจากภาคใต้ ที่เริ่มมีปัญหาล้นตลาด ซึ่งกองทัพได้สนับสนุนรับซื้อแล้ว 168 ตัน เพื่อร่วมช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนกันและกัน