จากพระปฐมบรมราชโองการที่ว่า "เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป" และพระราชดำริดั่งใจความตอนหนึ่งว่า "เศรษฐกิจพอเพียงในยุคนี้ก็คือเกษตร เกษตรคือประเทศ ก็คือผืนดิน คืออารยประเทศ เกษตรประเทศก็คืออารยประเทศ ทำได้โดยประยุกต์หลายหลายทฤษฎี เข้าด้วยกัน" และเพื่อเป็นต้นแบบการสืบสาน รักษา ต่อยอด คุณค่าและอารยธรรมของแผ่นดินให้กับปวงชนชาวไทยอย่างเป็นรูปธรรมของการพัฒนาตามหลักของเศรษฐกิจพอเพียง
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานพื้นที่จัดทำโครงการ "โคกหนองนา พระที่นั่งวิมานเมฆ พระราชวังดุสิต" แก่ข้าราชบริพารในพระองค์ ได้นำไปใช้ต่อยอดเพื่อความยั่งยืนของชีวิตในอนาคต โดยแบ่งเป็น 4 พื้นที่ เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวการสืบสานรักษาต่อยอดคุณค่า และอารยธรรมของแผ่นดิน โดยประยุกต์ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และทฤษฎีใหม่แบบชาวบ้าน ปั้นโคกขุดหนองและทำนาในที่ดินขนาดเล็ก ให้เกิดประโยชน์สูงสุดเป็นพื้นที่เรียนรู้ของเหล่าข้าราชบริพาร และหน่วยงานในพระองค์ เพื่อได้เข้าใจหลักแนวคิดตั้งแต่ทฤษฎีไปจนถึงปฏิบัติจริง ได้เรียนรู้แก้ไขปัญหาและสามารถนำไปประยุกต์ใช้เพื่อสร้างความยั่งยืนให้แก่ตนเองและครอบครัวในวันข้างหน้า "โคกหนองนา พระที่นั่งวิมานเมฆ พระราชวังดุสิต" จึงเป็นดั่งหมุดหมายของการก้าวสู่อารยประเทศ ประเทศที่มั่นคงมั่งคั่ง จากวัฒนธรรมและภูมิปัญญาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
ดร. วิวัฒน์ ศัลยกำธร ผู้ก่อตั้งมูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ กล่าวว่า การอบรมข้าราชบริพาร เป็นพระราชประสงค์ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงรับสั่งว่า เราอยู่ใกล้กันแต่อยากใกล้เกลือกินด่าง อยากให้มาร่วมงานกันถวายงานสืบสานงานพระราชดำริด้วยกัน มาเรียนรู้ตั้งแต่วางแผนการใช้ที่ดินอย่างไร ตลอดจนนำความรู้ หลักคิดหลักปฏิบัติ ทั้งเทคนิคต่างๆ ในการอบรมและนำไปประยุกต์ ไปทำให้เหมาะกับบ้านของเขา เหมาะกับภูมิประเทศของเขา เหมาะกับวัฒนธรรมของบ้านเขา หัวใจสำคัญของการน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาสู่การปฏิบัติ คือการทำความเข้าใจในหลักคิด และลงมือทำ เพื่อเรียนรู้จากการปฏิบัติด้วยตนเองจากการทดลองศึกษาเรียนรู้ และภาษาอความหลากหลายความคิดของแต่ละคนบนหลักการของ โคกหนองนา พระที่นั่งวิมานเมฆ พระราชวังดุสิต เพื่อเปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถร่วมคิดร่วมทำ นำไปสู่เป้าหมายที่วางไว้คือความอุดมสมบูรณ์ของอาหารและการเสริมคุณภาพชีวิต ซึ่งก็คืออาหารและการเกษตร
ร.อ.ทศพร วงศ์ศรีสังข์ ผู้เข้าฝึกอบรมรุ่น 1 กล่าวว่า การฝึกอบรม 14 วัน ก็รู้สึกว่าได้ความรู้ทางด้านวิชาการด้านการปฎิบัติ ทำให้เห็นภาพว่าหลังจากที่อบรมไปแล้ว เราจะนำความรู้ภาคต่างๆ ที่ได้รับจากการฝึกไปทำที่บ้าน เช่นเดียวกับ ร.ต.ต.สุรเชษฐ์ เสริมบุญส่ง ผู้เข้าฝึกอบรมรุ่น 1 กล่าวว่า โคกหนองนาเกิดขึ้นจากการได้เรียนรู้ได้ทำได้ศึกษาจริง และได้รับความรู้จากอาจารย์ยักษ์ ทำให้รู้ว่าโคกหนองนา มีประโยชน์กับชีวิตมากเพราะว่า หนึ่ง เราสามารถหาของกินในพื้นที่ของเราเองได้เล็กๆน้อยๆ แต่เราสามารถอยู่ในพื้นที่ของเราได้ จากความเข้าใจในหลักคิดหลักธรรมตามปรัชญาใหม่ของการพัฒนาจากเศรษฐกิจพอเพียงสู่ “โคกหนองนา พระที่นั่งวิมานเมฆ พระราชวังดุสิต” เกษตรเพื่ออารยนครา คุณค่าอันยิ่งใหญ่ของแผ่นดินสู่ความมั่งคั่งและยังยืนเพื่อประโยชน์สุขของคนไทยทุกคน
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานพื้นที่จัดทำโครงการ "โคกหนองนา พระที่นั่งวิมานเมฆ พระราชวังดุสิต" แก่ข้าราชบริพารในพระองค์ ได้นำไปใช้ต่อยอดเพื่อความยั่งยืนของชีวิตในอนาคต โดยแบ่งเป็น 4 พื้นที่ เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวการสืบสานรักษาต่อยอดคุณค่า และอารยธรรมของแผ่นดิน โดยประยุกต์ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และทฤษฎีใหม่แบบชาวบ้าน ปั้นโคกขุดหนองและทำนาในที่ดินขนาดเล็ก ให้เกิดประโยชน์สูงสุดเป็นพื้นที่เรียนรู้ของเหล่าข้าราชบริพาร และหน่วยงานในพระองค์ เพื่อได้เข้าใจหลักแนวคิดตั้งแต่ทฤษฎีไปจนถึงปฏิบัติจริง ได้เรียนรู้แก้ไขปัญหาและสามารถนำไปประยุกต์ใช้เพื่อสร้างความยั่งยืนให้แก่ตนเองและครอบครัวในวันข้างหน้า "โคกหนองนา พระที่นั่งวิมานเมฆ พระราชวังดุสิต" จึงเป็นดั่งหมุดหมายของการก้าวสู่อารยประเทศ ประเทศที่มั่นคงมั่งคั่ง จากวัฒนธรรมและภูมิปัญญาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
ดร. วิวัฒน์ ศัลยกำธร ผู้ก่อตั้งมูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ กล่าวว่า การอบรมข้าราชบริพาร เป็นพระราชประสงค์ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงรับสั่งว่า เราอยู่ใกล้กันแต่อยากใกล้เกลือกินด่าง อยากให้มาร่วมงานกันถวายงานสืบสานงานพระราชดำริด้วยกัน มาเรียนรู้ตั้งแต่วางแผนการใช้ที่ดินอย่างไร ตลอดจนนำความรู้ หลักคิดหลักปฏิบัติ ทั้งเทคนิคต่างๆ ในการอบรมและนำไปประยุกต์ ไปทำให้เหมาะกับบ้านของเขา เหมาะกับภูมิประเทศของเขา เหมาะกับวัฒนธรรมของบ้านเขา หัวใจสำคัญของการน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาสู่การปฏิบัติ คือการทำความเข้าใจในหลักคิด และลงมือทำ เพื่อเรียนรู้จากการปฏิบัติด้วยตนเองจากการทดลองศึกษาเรียนรู้ และภาษาอความหลากหลายความคิดของแต่ละคนบนหลักการของ โคกหนองนา พระที่นั่งวิมานเมฆ พระราชวังดุสิต เพื่อเปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถร่วมคิดร่วมทำ นำไปสู่เป้าหมายที่วางไว้คือความอุดมสมบูรณ์ของอาหารและการเสริมคุณภาพชีวิต ซึ่งก็คืออาหารและการเกษตร
ร.อ.ทศพร วงศ์ศรีสังข์ ผู้เข้าฝึกอบรมรุ่น 1 กล่าวว่า การฝึกอบรม 14 วัน ก็รู้สึกว่าได้ความรู้ทางด้านวิชาการด้านการปฎิบัติ ทำให้เห็นภาพว่าหลังจากที่อบรมไปแล้ว เราจะนำความรู้ภาคต่างๆ ที่ได้รับจากการฝึกไปทำที่บ้าน เช่นเดียวกับ ร.ต.ต.สุรเชษฐ์ เสริมบุญส่ง ผู้เข้าฝึกอบรมรุ่น 1 กล่าวว่า โคกหนองนาเกิดขึ้นจากการได้เรียนรู้ได้ทำได้ศึกษาจริง และได้รับความรู้จากอาจารย์ยักษ์ ทำให้รู้ว่าโคกหนองนา มีประโยชน์กับชีวิตมากเพราะว่า หนึ่ง เราสามารถหาของกินในพื้นที่ของเราเองได้เล็กๆน้อยๆ แต่เราสามารถอยู่ในพื้นที่ของเราได้ จากความเข้าใจในหลักคิดหลักธรรมตามปรัชญาใหม่ของการพัฒนาจากเศรษฐกิจพอเพียงสู่ “โคกหนองนา พระที่นั่งวิมานเมฆ พระราชวังดุสิต” เกษตรเพื่ออารยนครา คุณค่าอันยิ่งใหญ่ของแผ่นดินสู่ความมั่งคั่งและยังยืนเพื่อประโยชน์สุขของคนไทยทุกคน