นพ.โอภาส การ์ยกวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยถึงวัคซีน mRNA ของไฟเซอร์ ที่ได้รับบริจาคจากประเทศสหรัฐอเมริกา จำนวน 1.5 ล้านโดส ว่า ขั้นตอนจากนี้จะนำวัคซีนไปฉีดให้กับประชาชน 4 กลุ่ม ได้แก่
1.บุคลากรการแพทย์และสาธารณสุข ที่ดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ทั่วประเทศเป็นเข็มที่สาม เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันจำนวน 700,00 โดส
2.ผู้สูงอายุ, 7 โรคเรื้อรังอายุ 12 ปีขึ้นไป และคนท้อง 12 สัปดาห์ขึ้นไป จำนวน 645,000 โดส
3.ชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย คือกลุ่มผู้สูงอายุ, 7 โรคเรื้อรังอายุ 12 ปีขึ้นไป และคนท้อง 12 สัปดาห์ขึ้นไป รวมถึงคนไทยที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศที่จำเป็นต้องฉีดวัคซีนไฟเซอร์ เช่น นักเรียน นักศึกษา เป็นต้น จำนวน 150,000 โดส
4.ผู้ทำการศึกษาวิจัย โดยการอนุมัติของคณะกรรมการวิจัยจริยธรรม จำนวน 5,000 โดส
ทั้งนี้ วัคซีนไฟเซอร์ จำนวน 1 ขวดที่ส่งมาจากอเมริกา จะเป็นวัคซีนเข้มข้นจากนั้นจะต้องมีการผสมด้วยน้ำเกลือ 9% นอร์มัลซาไลน์ เมื่อผสมเสร็จแล้วจะฉีดได้ 6 โดส ฉีดโดสละ 0.3 มล. โดยฉีดเข้ากล้ามเนื้อ ซึ่งการฉีด 2 เข็มจะห่างกันอยู่ที่ 3 สัปดาห์ ฉีดได้ตั้งแต่ผู้ที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไป และต้องเก็บในอุณหภูมิ -90 ถึง -60 องศาเซลเซียส จะอยู่ได้ 6 เดือน หากเก็บในอุณหภูมิ 2 ถึง 8 องศาเซลเซียสเหมือนวัคซีนอื่นๆ จะเก็บได้เพียง 1 เดือน ดังนั้น จะต้องมีการวางแผนในการเก็บรักษาอย่างดี ซึ่งได้ส่งตัวอย่างตรวจสอบคุณภาพและความปลอดภัยไปที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ในวันที่ 2 สิงหาคมนี้ จะได้รับผลตรวจสอบคุณภาพและความปลอดภัย จากนั้นวันที่ 3-4 สิงหาคม บริษัทจัดทำระบบตรวจสอบย้อนกลับและแพ็ควัคซีนเพื่อจัดส่ง และคาดว่า จะจัดส่งวัคซีนลอตแรก เข็มกระตุ้นสำหรับบุคลากรทางการแพทย์และเข็มที่ 1 ได้ในวันที่ 5-6 สิงหาคมนี้
สำหรับกลุ่มเสี่ยงเป้าหมายนั้น จะถึงหน่วยบริการในวันที่ 7-8 สิงหาคม เพื่อให้ทางโรงพยาบาลเตรียมความพร้อมในการฉีดวัคซีน และหน่วยบริการจะเริ่มฉีดวัคซีนไฟเซอร์ได้ในวันที่ 9 สิงหาคม 2564
1.บุคลากรการแพทย์และสาธารณสุข ที่ดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ทั่วประเทศเป็นเข็มที่สาม เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันจำนวน 700,00 โดส
2.ผู้สูงอายุ, 7 โรคเรื้อรังอายุ 12 ปีขึ้นไป และคนท้อง 12 สัปดาห์ขึ้นไป จำนวน 645,000 โดส
3.ชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย คือกลุ่มผู้สูงอายุ, 7 โรคเรื้อรังอายุ 12 ปีขึ้นไป และคนท้อง 12 สัปดาห์ขึ้นไป รวมถึงคนไทยที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศที่จำเป็นต้องฉีดวัคซีนไฟเซอร์ เช่น นักเรียน นักศึกษา เป็นต้น จำนวน 150,000 โดส
4.ผู้ทำการศึกษาวิจัย โดยการอนุมัติของคณะกรรมการวิจัยจริยธรรม จำนวน 5,000 โดส
ทั้งนี้ วัคซีนไฟเซอร์ จำนวน 1 ขวดที่ส่งมาจากอเมริกา จะเป็นวัคซีนเข้มข้นจากนั้นจะต้องมีการผสมด้วยน้ำเกลือ 9% นอร์มัลซาไลน์ เมื่อผสมเสร็จแล้วจะฉีดได้ 6 โดส ฉีดโดสละ 0.3 มล. โดยฉีดเข้ากล้ามเนื้อ ซึ่งการฉีด 2 เข็มจะห่างกันอยู่ที่ 3 สัปดาห์ ฉีดได้ตั้งแต่ผู้ที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไป และต้องเก็บในอุณหภูมิ -90 ถึง -60 องศาเซลเซียส จะอยู่ได้ 6 เดือน หากเก็บในอุณหภูมิ 2 ถึง 8 องศาเซลเซียสเหมือนวัคซีนอื่นๆ จะเก็บได้เพียง 1 เดือน ดังนั้น จะต้องมีการวางแผนในการเก็บรักษาอย่างดี ซึ่งได้ส่งตัวอย่างตรวจสอบคุณภาพและความปลอดภัยไปที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ในวันที่ 2 สิงหาคมนี้ จะได้รับผลตรวจสอบคุณภาพและความปลอดภัย จากนั้นวันที่ 3-4 สิงหาคม บริษัทจัดทำระบบตรวจสอบย้อนกลับและแพ็ควัคซีนเพื่อจัดส่ง และคาดว่า จะจัดส่งวัคซีนลอตแรก เข็มกระตุ้นสำหรับบุคลากรทางการแพทย์และเข็มที่ 1 ได้ในวันที่ 5-6 สิงหาคมนี้
สำหรับกลุ่มเสี่ยงเป้าหมายนั้น จะถึงหน่วยบริการในวันที่ 7-8 สิงหาคม เพื่อให้ทางโรงพยาบาลเตรียมความพร้อมในการฉีดวัคซีน และหน่วยบริการจะเริ่มฉีดวัคซีนไฟเซอร์ได้ในวันที่ 9 สิงหาคม 2564