นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ในเรือนจำและทัณฑสถาน (ข้อมูล ณ วันที่ 27 กรกฎาคม 2564 เวลา 16.00 น.) พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 202 ราย (พบในเรือนจำสีแดง 155 ราย และพบในห้องแยกกักโรคผู้ต้องขังรับใหม่ 47 ราย)
นายอายุตม์ กล่าวว่า สถานะเรือนจำยังคงที่ต่อเนื่องกันเป็นวันที่ 5 คือ มีเรือนจำสีขาวที่ไม่พบการแพร่ระบาด 112 แห่ง เรือนจำสีแดงที่พบการระบาดจำนวน 22 แห่ง และสิ้นสุดการระบาดแล้ว 8 แห่ง โดยในวันนี้มีผู้ติดเชื้อที่รักษาหายเพิ่มขึ้น 464 ราย ซึ่งสูงกว่าจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ รวมหายสะสม 37,647 ราย หรือ 83.2% ของผู้ติดเชื้อสะสม 45,230 ราย และเสียชีวิต 2 ราย รวมเสียชีวิตสะสม 55 ราย คิดเป็นอัตรา 0.1% ทำให้มีผู้ต้องขังติดเชื้อที่อยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์ทั้งหมดลดลง อยู่ที่ 7,102 ราย แบ่งเป็น กลุ่มสีเขียว 81.4% สีเหลือง 18% และสีแดง 0.6%
อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรณีการเสียชีวิตของผู้ต้อง 2 ราย เป็นผู้ต้องขังจากเรือนจำจังหวัดสระบุรี และเรือนจำกลางปัตตานี แห่งละ 1 ราย จากข้อมูลพบว่ามีโรคประจำตัว และอาการอื่นร่วม ทำให้อาการป่วยรุนแรงมากกว่าปกติ ซึ่งได้ให้ยาและดูแลรักษาอย่างเต็มประสิทธิภาพตามมาตรฐาน โดยทีมแพทย์ รวมถึงส่งต่อการรักษาที่โรงพยาบาลภายนอก แต่อาการยังคงไม่ดีขึ้น จนกระทั่งเสียชีวิตลงในที่สุด กรมราชทัณฑ์ขอแสดงความเสียใจต่อการจากไปมา ณ โอกาสนี้ ทั้งนี้ ได้ประสานญาติเพื่อนำร่างผู้เสียชีวิตไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ตามวิธีการจัดการศพผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 เป็นที่เรียบร้อย
สำหรับการดำเนินการป้องกันและการรักษา ยังคงเน้นย้ำการดำเนินการตามมาตรการอย่างเคร่งครัดในทุกส่วน โดยเฉพาะการป้องกันเชื้อจากเจ้าหน้าที่ ที่ต้องดำเนินการตรวจหาเชื้อและต้องยืนยันผลว่าไม่พบเชื้อก่อนเข้าปฏิบัติงานทุกครั้ง และในส่วนของการค้นหา คัดแยก และรักษาผู้ติดเชื้อ ทาง ศบค.รท. ได้สนับสนุนช่วยเหลือทั้งในส่วนของเครื่องเอกซเรย์ เวชภัณฑ์ ยา และบุคลากร ในแต่ละพื้นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งหากทุกฝ่ายได้ดำเนินการตามมาตรฐานภายใต้กรอบที่วางไว้ เชื่อว่าจะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นายอายุตม์ กล่าวเสริมว่า สำหรับมาตรการในการปล่อยตัวผู้ต้องขังในสภาวะที่การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ยังมีแนวโน้มที่มากขึ้น ที่ผ่านมา กรมราชทัณฑ์ได้ดำเนินการอย่างเป็นมาตรฐานภายใต้ความร่วมมือของสำนักงานสาธารณสุขในแต่ละพื้นที่ ตั้งแต่กระบวนการตรวจเชื้อ กักตัวก่อนปล่อย และส่งต่อผู้ติดเชื้อ อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการยกระดับการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพและชัดเจนมากยิ่งขึ้น จึงจัดทำแผนดำเนินการและการอบรมแผนการปล่อยตัวผู้ต้องขัง เพื่อให้มีความชัดเจนและถือปฏิบัติเป็นแนวทางเดียวกัน ซึ่งคาดว่าจะสามารถจัดทำแผนแล้วเสร็จและดำเนินการอบรมได้ในเร็วๆ นี้