นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ แพทย์เฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ โพสต์เฟซบุ๊ก หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC ระบุว่า การบริหารจัดการวัคซีนที่มีในปัจจุบัน วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 61 ล้านโดส ซิโนแวค 19 ล้านโดส และไฟเซอร์ 20 ล้านโดสที่จะมาในไตรมาสที่ 4 ให้ได้ประโยชน์สูงสุด ด้วยการแนะนำให้มีการสลับชนิดกัน โดยใช้วัคซีนซิโนแวคเข็มแรกตามด้วยแอสตร้าเซนเนก้าเข็ม 2 ห่างกัน 3-4 สัปดาห์ โดยอ้างว่าจะทำให้ภูมิต้านทานสูงขึ้นเร็วภายในเวลา 6 สัปดาห์ เพื่อต่อสู้กับเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลต้า เพราะถ้าให้วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 2 เข็มห่างกัน 12 สัปดาห์ กว่าภูมิต้านทานจะขึ้นสูงต้องใช้เวลา 12 สัปดาห์ ช่วงที่รออาจเป็นช่วงอันตราย
ส่วนตัวผมกลับเห็นตรงข้าม วัคซีนซิโนแวคเป็นวัคซีนเชื้อตาย กลไกการทำงานหลักๆ คือกระตุ้นภูมิต้านทานแอนติบอดี้ให้สูงขึ้น เพื่อจับไวรัสไม่ให้เข้าสู่เซลล์ของเรา
ในชีวิตจริงเรามีข้อมูล วัคซีนซิโนแวคเข็มแรกเข็มเดียวไม่ช่วยลดการป่วยหนักเข้านอนโรงพยาบาล ไม่ลดการเสียชีวิต ช่วงเวลา 4 สัปดาห์แรกหลังฉีดซิโนแวคหากคนสูงอายุและคนที่มีโรคประจำตัวติดเชื้อ ถือเป็นช่วงอันตราย
ต่างจากวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าซึ่งเป็นวัคซีน Adenovirus vector ดีกว่าวัคซีนเชื้อตายซิโนแวค นอกจากจะกระตุ้นภูมิต้านทานแอนติบอดี้ให้สูงขึ้นแล้ว ยังทำให้เกิดภูมิคุ้มกันชนิดที่เราเรียกว่าเม็ดเลือดขาว T cell เพื่อกำจัดเซลล์ที่เชื้อไวรัสเข้าไปแบ่งตัวในเซลล์ของเรา มีข้อมูลในชีวิตจริง วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าหลังฉีดเข็มแรก 3 สัปดาห์เริ่มมีประสิทธิภาพ สามารถลดการติดเชื้อและการแพร่เชื้อได้บ้าง ลดการติดเชื้อแบบมีอาการได้บ้าง แต่ลดการป่วยหนักเข้านอนโรงพยาบาลและลดการเสียชีวิตได้ดี ในประเทศที่มีวัคซีนเพียงพอ เขาแนะนำให้ฉีดวัคซีนแอสตร้าเข็ม 1 กับเข็ม 2 ห่างกัน 8 สัปดาห์ แต่ในประเทศที่มีภาวะวัคซีนขาดแคลน สามารถฉีดห่างกว่านั้นได้หลายเดือนตามคำแนะนำของบริษัทแอลตร้าเซนเนก้าเอง
ประเทศไทยควรให้วัคซีนซิโนแวค 2 เข็มในคนที่ไม่ใช่กลุ่มเสี่ยง คนอายุน้อยกว่า 60 ปี ไม่มีโรคประจำตัว สำหรับคนสูงอายุและคนที่มีโรคประจำตัว ยังต้องให้วัคซีนเข็มแรกเป็นแอสตร้าเซนเนก้าเหมือนเดิม
ประเทศไทยกำลังดำเนินการฉีดวัคซีนแบบผสม วัคซีนซิโนแวคตามด้วยวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าโดยไม่มีผลการทดลองทางคลินิกรองรับ
นอกจากนั้นช่วง 3-4 สัปดาห์แรกหลังฉีดวัคซีนซิโนแวคเข็มแรก ก่อนที่จะฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าเข็มที่ 2 เป็นช่วงอันตรายสำหรับคนสูงอายุ และคนที่มีโรคประจำตัวหากติดเชื้อไวรัสโควิด-19