นายทรงยศ คำชัย หัวหน้ากลุ่มงานควบคุมโรคติดต่อ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า วันนี้ (11 ก.ค.64) จังหวัดเชียงใหม่ พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้น 31 ราย เพิ่มยอดผู้ติดเชื้อสะสมระลอกตั้งแต่ 1 เมษายน 2564 เป็น 4,387 ราย รักษาหายแล้ว 4,147 ราย ยังคงมีผู้รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลทุกประเภท จำนวน 209 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตสะสมของจังหวัดเชียงใหม่ยังอยู่ที่ 26 ราย
ขณะที่กลุ่มผู้ติดเชื้อที่ยังรักษาตัวอยู่นั้น แยกเป็นกลุ่มผู้ป่วยที่ไม่มีอาการหรืออาการเล็กน้อย (สีเขียว) 120 ราย อาการปานกลาง (สีเหลือง) 72 ราย อาการค่อนข้างหนัก (สีส้ม) 15 ราย และผู้ป่วยอาการหนัก (สีแดง) 2 ราย
สำหรับปัจจัยเสี่ยงในการติดเชื้อยังคงเป็นผู้ติดเชื้อที่เดินทางมาจากพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด และพบว่ามีการติดเชื้อต่อไปในครอบครัว ชุมชน และสถานที่ทำงานเพิ่มสูงขึ้น ส่วนการตรวจเชิงรุกในแรงงานต่างด้าว มีรายงานเพิ่มเข้ามา 4 อำเภอ คือ อำเภอแม่แตง อำเภอแม่อาย อำเภอสันกำแพง และอำเภอกัลยาณิวัฒนา ตรวจไป 1,081 ราย ทั้งหมดไม่พบเชื้อ
จากการประเมินเบื้องต้น พบว่าแคมป์แรงงานที่ทำงานอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ ตลอดเวลา จะมีความปลอดภัยสูง แต่ถ้ามีแรงงานหรือผู้ใดในแคมป์เดินทางไปในพื้นที่เสี่ยงและกลับมาก็อาจทำให้เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อเหมือนคลัสเตอร์ไซต์งานที่แยกศาลเด็กได้
ทั้งนี้ จังหวัดเชียงใหม่ยังคงมีคลัสเตอร์ที่ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดอีก 5 คลัสเตอร์ ซึ่งยังมีคลัสเตอร์ที่ยังพบผู้ติดเชื้ออยู่ 2 คลัสเตอร์ คือ คลัสเตอร์โรงงานขนมปัง และคลัสเตอร์ไซต์งานก่อสร้างแยกศาลเด็ก โดยคลัสเตอร์โรงงานขนมปังพบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 2 ราย ส่วนพนักงานห้างร้าน/ร้านสะดวกซื้อ ที่รับสินค้าจากบริษัทดังกล่าวช่วงวันที่ 27 มิถุนายน-7 กรกฎาคม ที่ผ่านมา เข้ารับการตรวจหาเชื้อที่โรงพยาบาลใกล้บ้านทุกแห่ง
อย่างไรก็ตาม ขอเน้นย้ำให้ประชาชนทุกคนเคร่งครัดในมาตรการส่วนบุคคล ส่วนผู้ที่เดินทางเข้ามาในพื้นที่ก็ต้องปฏิบัติตามมาตรการของทางจังหวัดอย่างเคร่งครัดทั้งการกักตัว สแกน CM-CHANA และการฉีดวัคซีนตามกำหนด ซึ่งหากสถานการณ์ยังคงเป็นเช่นนี้ อาจมีการยกระดับใช้มาตรการที่เข้มข้น เพื่อไม่ให้เกิดการระบาดเป็นจำนวนมากเหมือนในระลอกเดือนเมษายน