เพจเฟซบุ๊ก "หมอแม่สอด" โพสต์ระบุว่า สวัสดีค่ะทุกท่าน วันนี้หมอจะมาเล่าสถานการณ์ของแม่สอดเรากัน ขณะนี้พวกเราอยู่ในภาวะตึงเครียดถึงขีดสุด เนื่องจากพบเคสโควิดนับพัน แถมยังอยู่ในขาขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง
โชคดีในโชคร้าย ส่วนมากเป็นแรงงานต่างชาติที่ทำงานในโรงงาน มีลักษณะเป็นกลุ่มก้อน เราไม่มีทางเลือกอื่น ได้แต่ปรับโรงงานที่พวกเขาทำงานอยู่ให้กลายเป็น รพ.สนาม ซึ่งมีมาตรฐานในการดูแล จัดระบบให้มีแพทย์ราวด์ทุกเช้า มีพยาบาลประจำเคส และมีระบบเฝ้าระวัง
นอกจากนี้ ยังมีระบบกำจัดขยะติดเชื้อ ที่ล้อไปกันกับวิธีกำจัดของ รพ. ถึงจะไม่เลิศเลอ แต่ก็ดีที่สุดที่เราจะทำได้ และปลอดภัยสำหรับชุมชนรอบด้านแน่นอน
อย่างไรก็ตาม รพ.สนามที่ปรับปรุงจากโรงงาน มีข้อจำกัดว่ารับได้เฉพาะคนในโรงงานเท่านั้น แรงงานนอกโรงงาน หรือคนไทยจากคลัสเตอร์เล็กๆ อื่นๆ ไม่สามารถส่งเข้าได้ เราจึงต้องสร้าง รพ.สนามเพิ่มเติม ตอนนี้ใกล้เสร็จแล้ว
โดยในระหว่างนี้ เราบริหารจัดการ กระจายคนไข้ไปยัง รพ.ต่างๆ เท่าที่ทำได้
อย่างไรก็ตาม มีคนไข้ส่วนเล็กๆ ส่วนหนึ่ง ที่ไม่มีอาการ ประเมินแล้วไม่อันตราย สามารถใช้โซเชียลสื่อสารได้ มีทักษะในการดูแลตัวเองสูง โดยรวมเหมาะสมเข้าเกณฑ์ home isolation หรือการรักษาแบบผู้ป่วยอยู่บ้าน
พูดแบบนี้อย่าเพิ่งตกใจ เราไม่ได้ปล่อยคนไข้เดินไปไหนมาไหน แต่จัดระบบทุกอย่าง ให้บ้านเสมือนเป็น รพ. ปลอดภัยทั้งสำหรับคนไข้ ชุมชนและคนรอบด้าน
วิธีการนี้แบ่งเบาภาระงาน ให้บุคลากรสามารถไปดูแลคนไข้คนอื่นได้
เรามีการประเมินและติดตามคนไข้อย่างสม่ำเสมอ ถึงแม้จะอยู่นอก รพ. ก็ตาม หากพบว่ามีอาการเปลี่ยนแปลง อาการแย่ลง จำเป็นต้องได้รับการรักษาที่เข้มข้นขึ้นกว่าเดิม จะได้รับการย้ายเข้ารักษาตัวใน รพ. ทันที
รพ.แม่สอดเป็น รพ.ขนาด 420 เตียงค่ะ แต่ขณะนี้เรามีคนไข้โควิด 1041 คน หากเราไม่จัดระบบ ใช้คนน้อยดูแลคนมาก ระบบจะพังและถึงการณ์ล่มสลาย ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เราจะยอมให้เกิดขึ้นไม่ได้
ตอนนี้แม่สอดใกล้ถึงขีดสุดแล้ว เรามีเคสบวกเพิ่มนับร้อยทุกวัน ในขณะที่ รพช.ทุกแห่งต้องตัดแบ่งกำลังมาช่วยเราทั้งที่ รพ.ของตนก็ใกล้ถึงขีดสุดเต็มที
ในเวลาที่มืดมนเช่นนี้ เราก็ยังจะทำให้ดีให้มากที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ เป็นกำลังใจให้กันและกันนะคะ
โชคดีในโชคร้าย ส่วนมากเป็นแรงงานต่างชาติที่ทำงานในโรงงาน มีลักษณะเป็นกลุ่มก้อน เราไม่มีทางเลือกอื่น ได้แต่ปรับโรงงานที่พวกเขาทำงานอยู่ให้กลายเป็น รพ.สนาม ซึ่งมีมาตรฐานในการดูแล จัดระบบให้มีแพทย์ราวด์ทุกเช้า มีพยาบาลประจำเคส และมีระบบเฝ้าระวัง
นอกจากนี้ ยังมีระบบกำจัดขยะติดเชื้อ ที่ล้อไปกันกับวิธีกำจัดของ รพ. ถึงจะไม่เลิศเลอ แต่ก็ดีที่สุดที่เราจะทำได้ และปลอดภัยสำหรับชุมชนรอบด้านแน่นอน
อย่างไรก็ตาม รพ.สนามที่ปรับปรุงจากโรงงาน มีข้อจำกัดว่ารับได้เฉพาะคนในโรงงานเท่านั้น แรงงานนอกโรงงาน หรือคนไทยจากคลัสเตอร์เล็กๆ อื่นๆ ไม่สามารถส่งเข้าได้ เราจึงต้องสร้าง รพ.สนามเพิ่มเติม ตอนนี้ใกล้เสร็จแล้ว
โดยในระหว่างนี้ เราบริหารจัดการ กระจายคนไข้ไปยัง รพ.ต่างๆ เท่าที่ทำได้
อย่างไรก็ตาม มีคนไข้ส่วนเล็กๆ ส่วนหนึ่ง ที่ไม่มีอาการ ประเมินแล้วไม่อันตราย สามารถใช้โซเชียลสื่อสารได้ มีทักษะในการดูแลตัวเองสูง โดยรวมเหมาะสมเข้าเกณฑ์ home isolation หรือการรักษาแบบผู้ป่วยอยู่บ้าน
พูดแบบนี้อย่าเพิ่งตกใจ เราไม่ได้ปล่อยคนไข้เดินไปไหนมาไหน แต่จัดระบบทุกอย่าง ให้บ้านเสมือนเป็น รพ. ปลอดภัยทั้งสำหรับคนไข้ ชุมชนและคนรอบด้าน
วิธีการนี้แบ่งเบาภาระงาน ให้บุคลากรสามารถไปดูแลคนไข้คนอื่นได้
เรามีการประเมินและติดตามคนไข้อย่างสม่ำเสมอ ถึงแม้จะอยู่นอก รพ. ก็ตาม หากพบว่ามีอาการเปลี่ยนแปลง อาการแย่ลง จำเป็นต้องได้รับการรักษาที่เข้มข้นขึ้นกว่าเดิม จะได้รับการย้ายเข้ารักษาตัวใน รพ. ทันที
รพ.แม่สอดเป็น รพ.ขนาด 420 เตียงค่ะ แต่ขณะนี้เรามีคนไข้โควิด 1041 คน หากเราไม่จัดระบบ ใช้คนน้อยดูแลคนมาก ระบบจะพังและถึงการณ์ล่มสลาย ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เราจะยอมให้เกิดขึ้นไม่ได้
ตอนนี้แม่สอดใกล้ถึงขีดสุดแล้ว เรามีเคสบวกเพิ่มนับร้อยทุกวัน ในขณะที่ รพช.ทุกแห่งต้องตัดแบ่งกำลังมาช่วยเราทั้งที่ รพ.ของตนก็ใกล้ถึงขีดสุดเต็มที
ในเวลาที่มืดมนเช่นนี้ เราก็ยังจะทำให้ดีให้มากที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ เป็นกำลังใจให้กันและกันนะคะ