xs
xsm
sm
md
lg

วิกฤตโควิด-19 ฉุดยอดจดทะเบียนธุรกิจใหม่ พ.ค.64 ลดลง 7% จากเดือนก่อน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ภาพรวมการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลในเดือนพฤษภาคม 2564 เทียบกับเดือนเมษายน 2564 พบว่ามีการจดทะเบียนลดลงร้อยละ 7 เนื่องจากผู้ประกอบการยังคงติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 และชะลอการตัดสินใจจัดตั้งออกไปก่อน เช่น ธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร ธุรกิจบัญชีและการตรวจสอบบัญชี และ ธุรกิจออกแบบและตกแต่งภายใน

ทั้งนี้ ยอดจดทะเบียนธุรกิจจัดตั้งใหม่ทั่วประเทศในเดือนพฤษภาคม 2564 มีจำนวน 5,568 ราย มูลค่าทุนจดทะเบียนอยู่ที่ 21,513.71 ล้านบาท โดยธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไปจำนวน 551 ราย คิดเป็นร้อยละ 10 รองลงมา คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จำนวน 312 ราย คิดเป็นร้อยละ 6 และอันดับ 3 คือ ธุรกิจขนส่งและขนถ่ายสินค้ารวมถึงคนโดยสารจำนวน 181 ราย คิดเป็นร้อยละ 3

การลดลงของจำนวนการจดทะเบียนนิติบุคคลจัดตั้งใหม่ในเดือนพฤษภาคม อาจมีผลมาจากการระบาดระลอกสามของโควิด-19 ที่กระจายเป็นวงกว้าง และมีคลัสเตอร์ใหม่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ความเชื่อมั่นในการดำเนินธุรกิจลดลง โดยดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจในเดือนพฤษภาคม 2564 ของธนาคารแห่งประเทศไทย อยู่ที่ 43 ปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนหน้าถึงร้อยละ 7 และใกล้เคียงกับช่วงการแพร่ระบาดอย่างหนักในปีก่อนหน้า

สำหรับธุรกิจที่มีจำนวนการจดทะเบียนจัดตั้งเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จัดตั้งเพิ่มขึ้น 140 ราย คิดเป็นร้อยละ 81.40 เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนหน้า ธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหารจัดตั้งเพิ่มขึ้น 84 ราย คิดเป็น 1 เท่า เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนหน้า ธุรกิจการขนส่งและ ขนถ่ายสินค้า จัดตั้งเพิ่มขึ้น 53 ราย คิดเป็นร้อยละ 41 เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนหน้า ธุรกิจก่อสร้างทั่วไปจัดตั้งเพิ่มขึ้น 49 ราย คิดเป็นร้อยละ 9 เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนหน้า และธุรกิจกิจกรรมการสร้างแม่ข่ายจัดตั้งเพิ่มขึ้น 47 ราย คิดเป็น 47 เท่า เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนหน้า

ขณะเดียวกัน มีธุรกิจเลิกประกอบกิจการในเดือนพฤษภาคม 2564 มีจำนวน 792 ราย มูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 2,322.75 ล้านบาท ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มการเลิกกิจการในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยธุรกิจเลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไปจำนวน 71 ราย คิดเป็นร้อยละ 9 รองลงมาคือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จำนวน 50 ราย คิดเป็นร้อยละ 6 และธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหารจำนวน 27 ราย คิดเป็นร้อยละ 3

อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กล่าวว่า นับถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2564 มีธุรกิจทั่วประเทศดำเนินกิจการอยู่ทั้งสิ้น 799,881 ราย มูลค่าทุน 19.54 ล้านล้านบาท จำแนกเป็น ห้างหุ้นส่วนจำกัด/ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล จำนวน 195,786 ราย คิดเป็นร้อยละ 24.48 บริษัทจำกัด จำนวน 602,801 ราย คิดเป็นร้อยละ 75.36 และบริษัทมหาชนจำกัด จำนวน 1,294 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.16

อย่างไรก็ตาม จากมาตรการการกระจายวัคซีนป้องกันโควิด-19 นับตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน 2564 ที่มีจำนวนประชาชนผู้ได้รับวัคซีนเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการมีนโยบายในการเปิดพื้นที่ท่องเที่ยวในจังหวัดที่มีความพร้อมในเดือนกรกฎาคม เป็นต้นไป เช่น จังหวัดภูเก็ต และอำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี รวมทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ เช่น โครงการคนละครึ่งเฟส 3 โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ ที่จะเริ่มต้นในเดือนกรกฎาคม รวมทั้งมาตราการช่วยเหลือผู้ประกอบการ เช่น มาตรการ "สินเชื่อ ฟื้นฟู" มาตรการ "พักทรัพย์ พักหนี้" ของธนาคารแห่งประเทศไทย โครงการ "จับคู่กู้เงิน สถาบันการเงินกับร้านอาหาร" ของกระทรวงพาณิชย์ ที่ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงแหล่งเงินกู้ หรือเข้าถึงสถาบันการเงิน โดยมีดอกเบี้ยราคาพิเศษ และปลอดหลักทรัพย์ในบางกรณี น่าจะส่งผลให้ความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการในครึ่งปีหลังฟื้นตัวขึ้น