น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอนุมัติขยายเวลามาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 6 มาตรการ จากเดิมสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2563 ขยายออกเป็นสิ้นสุด 31 ธันวาคม 2566 ประกอบด้วย
มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการประกอบธุรกิจ เช่น การลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เหลือ 0.1% ลดภาษีนิติบุคคลเหลือ 3% ของกำไรสุทธิ
มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนให้มีการติดตั้งระบบ CCTV เพื่อสามารถนำค่าใช้จ่ายมาหักเป็นรายจ่ายได้ 2 เท่า
มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในทรัพย์สินของกิจการ โดยสามารถนำมาหักค่าใช้จ่ายได้ 2 เท่า
มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการรายใหม่ (New Start Up) โดยจะยกเว้นภาษีให้ New Start Up เป็นระยะเวลา 5 รอบบัญชี
มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมให้บุคลากรที่มีความสามารถสูงนอกพื้นที่ไปทำงานในพื้นที่จังหวดชายแดนภาคใต้ ซึ่งจะมีการลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเหลือ 3% ของเงินได้พึงประเมิน
มาตรการส่งเสริมการลงทุนร่วมกันระหว่างกิจการที่มีศักยภาพนอกพื้นที่กับกิจการที่มีศักยภาพในท้องที่ โดยให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนสามารถหักรายจ่ายเงินลงทุนได้ไม่เกิน 2 เท่า
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า กระทรวงการคลังได้ประมาณการสูญเสียรายได้จาก 6 มาตรการ ประมาณปีละ 2,250 ล้านบาท แต่จะช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้แก่สถานประกอบกิจการที่ตั้งอยู่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ลดต้นทุนในการประกอบกิจการ,สร้างความเชื่อมั่นและช่วยรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและผู้ประกอบการ สนับสนุนการค้าและการลงทุนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่งเสริมการพัฒนาและการถ่ายทอดความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรมให้แก่บุคลากร และกระตุ้นการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ เพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต การให้บริการ รวมทั้งส่งเสริมการจ้างงานในจังหวัดชายแดนใต้