นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ยอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปเดือนพฤษภาคม 2564 อยู่ที่ 79,479 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 165.87 จากเดือนพฤษภาคม 2563 โดยเพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงเนื่องจากฐานต่ำเมื่อปีที่แล้ว และเพิ่มขึ้นร้อยละ 50.30 จากเดือนเมษายน 2564 เพราะประเทศคู่ค้าเริ่มมียอดขายรถยนต์ในประเทศดีขึ้น เช่น ออสเตรเลียขายรถยนต์เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤษภาคม ปีก่อน ร้อยละ 68.3 เวียดนามขายในประเทศเพิ่มขึ้นร้อยละ 34.1 ญี่ปุ่นขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 46.3 อินโดนีเซียขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 1,443 เป็นต้น อย่างไรก็ตาม การส่งออกยังลดลงร้อยละ 16.63 จากเดือนพฤษภาคม 2562
ทั้งนี้ ยอดส่งออกเดือนพฤษภาคม 2564 ขยายตัวเพิ่มจากเดือนเดียวกันของปีก่อนเกิน 100% เนื่องจากเดือนพฤษภาคม 2563 เป็นช่วงที่เกิดการระบาดของโควิด-19 ระลอกแรก มีการล็อกดาวน์ประเทศ ทำให้ฐานต่ำ โดยตลาดที่ส่งออกไปได้เพิ่มคือ ออสเตรเลียและอาเซียนที่ภาวะเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว
ขณะที่ยอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-พ.ค.64) อยู่ที่ 390,467 คัน โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 29.94 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่มีมูลค่าการส่งออก 221,429.58 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 39.49 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
สำหรับยอดการผลิตรถยนต์เดือนพฤษภาคม 2564 อยู่ที่ 140,168 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 150.14 จากเดือนพฤษภาคม 2563 จากการผลิตเพื่อส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 126.01 และผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศเพิ่มขึ้นร้อยละ 193.39 จากฐานต่ำปีที่แล้วที่มีการล็อกดาวน์ในเดือนเมษายน 2563 และห้ามจัดงานมอเตอร์โชว์ปลายเดือนมีนาคม 2563 ทำให้สตอกรถยนต์ในโชว์รูมยังมีจำนวนมาก บางบริษัทจึงยังไม่มีการผลิตรถยนต์ในเดือนพฤษภาคม 2563 แต่การผลิตรถยนต์ในเดือนพฤษภาคม 2564 ยังเพิ่มขึ้นร้อยละ 34.32 จากเดือนเมษายน 2564 แต่ลดลงร้อยละ 22.70 จากเดือนพฤษภาคม 2562 ก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า การผลิตรถยนต์ของไทยในปี 2563 มีจำนวนทั้งสิ้น 1,427,074 คัน ลดลงร้อยละ 29 จากปี 2562 อยู่ในอันดับที่ 11 ของโลก จากการจัดอันดับขององค์การสากลของผู้ผลิตรถยนต์ (ORGANISATION INTERNATIONALE DES CONSTRUCTEURS D’AUTOMOBILES: OICA)