นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) แถลงผลปฏิบัติการตรวจยึดยาเสพติด โดยระบุว่า ตามที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม สั่งการให้สำนักงาน ป.ป.ส. เร่งดำเนินการสืบสวนสอบสวนขยายผลกลุ่มนักค้ายาเสพติดที่ลักลอบขนยาเสพติดซุกซ่อนไปกับสิ่งของส่งไปยังต่างประเทศหลายคดี โดยคดีที่ 1 วานนี้ (21 มิ.ย.) ชุดปฏิบัติการของหน่วยสกัดกั้นยาเสพติดท่าอากาศยาน (Airport Interdiction TaskForce : AITF) ประกอบด้วย สำนักงาน ป.ป.ส. บช.ปส. ศุลกากร และ ศรภ. ได้ร่วมกันตรวจยึดเฮโรอีนน้ำหนัก 479 กรัม ซุกซ่อนอำพรางในกรอบรูปจำนวน 1 ชิ้น อยู่ในพัสดุระหว่างประเทศ ต้นทางระบุชื่อที่อยู่ผู้ส่ง มาจาก จ.สุราษฎร์ธานี ปลายทางประเทศออสเตรเลีย เหตุเกิด ณ บริษัทขนส่งเอกชนแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ โดยได้ประสานข้อมูลชื่อ-ที่อยู่ผู้รับพัสดุ ให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจสหพันธ์ออสเตรเลีย เพื่อตรวจสอบและแลกเปลี่ยนข้อมูลทางการข่าวร่วมกันต่อไป
ส่วนคดีที่ 2 ชุด AITF ร่วมกันตรวจยึดโคเคนน้ำหนัก 390 กรัม ซุกซ่อนอยู่ในหลอดเครื่องสำอางมาสคาร่า ส่งมาจากประเทศคอสตาริกา ปลายทาง จ.ปทุมธานี ประเทศไทย ต่อมาเวลาประมาณ 14.00 น. วันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ขยายผลจับกุม น.ส.นุชนารถ ลีลา อายุ 27 ปี ผู้รับยาเสพติด ณ บ้านเลขที่ 31/2583 หมู่ 2 ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี และเวลา 19.00 น. ได้ร่วมกันจับกุมนายเอจิมาดู อูเคชุควู เบนจามิน (Mr.Ejimadu Uchechukwu Benjamin) อายุ 41 ปี สัญชาติไนจีเรีย เหตุเกิด ณ ลานจอดรถห้างสรรพสินค้าย่านบางนา และตรวจค้นห้องพักผู้ต้องหา ณ คอนโดมิเนียมย่านศรีนครินทร์ พบโคเคนอีก 79 กรัม ซุกซ่อนในห้องนอน และครัว
เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า ไอซ์และโฮโรอีน เป็นยาเสพติดที่พบว่ามีการส่งต่อไปยังประเทศที่สาม ส่วนโคเคนเป็นยาเสพติดที่ผลิตในแถบอเมริกาใต้ กลุ่มผู้ใช้โคเคนจึงอยู่ในวงจำกัดเฉพาะกลุ่มชาวต่างชาติ นักท่องเที่ยวต่างชาติ ส่วนใหญ่การลักลอบนำโคเคนเข้ามาในประเทศไทยจะมีผู้ค้าชาวแอฟริกันตะวันตก ซึ่งเกือบทั้งหมดเป็นชาวไนจีเรียอยู่เบื้องหลัง โดยสำนักงาน ป.ป.ส.ได้ประสานความร่วมมือกับหน่วยปราบปรามยาเสพติดของประเทศสมาชิกอาเซียน เพื่อยกระดับการปฏิบัติงานที่เข้มงวดมากขึ้นในการเฝ้าระวังและสกัดกั้น โดยมีการแลกเปลี่ยนและวิเคราะห์ข่าวสารร่วมกันมากขึ้น ซึ่งการประชุมในวันที่ 5 กรกฎาคมนี้ จะนำเอาข้อมูลมาหารือกับประเทศลุ่มน้ำโขง ได้แก่ จีน เมียนมา สปป.ลาว กัมพูชา เวียดนาม เพื่อยกระดับการสกัดกั้นยาเสพติดภายใต้แผนปฏิบัติการ 1511 พร้อมหารือกับกลุ่มประเทศนอกภูมิภาคต่อไป