xs
xsm
sm
md
lg

สถานการณ์โควิด-19 ในเรือนจำเขต กทม.แนวโน้มดีขึ้น จ่อทยอยลดสถานะเป็นเรือนจำสีขาวต้นเดือนหน้า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยสถานการณ์โควิด-19 ในเรือนจำและทัณฑสถาน (ข้อมูล ณ วันที่ 20 มิถุนายน 2564 เวลา 16.00 น.) มีผู้ต้องขังติดเชื้อรายใหม่ 140 ราย รักษาหาย 466 ราย ทำให้มีผู้ต้องขังติดเชื้อที่ยังอยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์ 5,976 ราย และไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต

สถานการณ์ในวันนี้ ยังคงมีเรือนจำ/ทัณฑสถานที่เป็นเรือนจำสีขาว ไม่พบการระบาด 127 แห่ง และเรือนจำสีแดงที่พบการระบาดคงที่ 13 แห่ง มีเรือนจำที่้พ้นระยะสีแดง รอการปรับสถานะ 2 แห่ง คือ เรือนจำกลางเชียงใหม่ และเรือนจำจังหวัดนราธิวาส ส่วนจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในวันนี้ เป็นการตรวจพบเชื้อจากผู้ต้องขังในแดนจากเรือนจำสีแดง 134 ราย และในห้องแยกกักโรค 6 ราย จากเรือนจำอำเภอกบินทร์บุรี 3 ราย และเรือนจำอำเภอธัญบุรี เรือนจำกลางสมุทรปราการ เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร แห่งละ 1 ราย ซึ่งจะพบว่าเรือนจำสีแดงที่พบการแพร่ระบาดส่วนใหญ่มีแนวโน้มผู้ติดเชื้อลดลง ขณะที่พบจำนวนผู้ป่วยที่รักษาหายมากกว่าจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยมีจำนวนผู้ป่วยที่รักษาหายสะสม 29,166 ราย หรือ 82% ของจำนวนผู้ป่วยสะสมทั้งหมด

นายอายุตม์ กล่าวต่อว่า ภาพรวมสถานการณ์การแพร่ระบาดในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลพบว่ามีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน มีเรือนจำ/ทัณฑสถานหลายแห่งที่สามารถจำกัดแดนที่พบผู้ติดเชื้อออกจากแดนปลอดเชื้อได้อย่างชัดเจน จนสามารถวางแผนเพื่อลดสถานะจากเรือนจำสีแดง เป็นเรือนจำสีขาวได้แล้ว ซึ่งคาดว่าส่วนใหญ่จะสามารถลดสถานะจากเรือนจำสีแดงได้ภายในเดือนกรกฎาคม โดยจะเริ่มทยอยลดสถานะได้ตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคมนี้ เป็นต้นไป

ด้านสถานการณ์การแพร่ระบาดภายในพื้นที่จังหวัดสงขลา ในวันนี้ยังคงพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 2 แห่ง คือ เรือนจำกลางสงขลา 77 ราย และทัณฑสถานหญิงสงขลา 24 ราย ซึ่งเป็นการพบผู้ติดเชื้อในบางแดน และได้แยกกลุ่มเสี่ยงออกจากผู้ต้องขังรายอื่นเรียบร้อยแล้ว รวมถึงการเร่งตรวจหาเชื้อเพื่อคัดแยกผู้ติดเชื้อให้ได้รับการรักษาที่รวดเร็ว โดยผู้ป่วยกลุ่มสีเหลืองจะถูกส่งตัวรักษาที่โรงพยาบาลภายนอก ส่วนผู้ป่วยกลุ่มสีเขียวที่ไม่มีอาการ ซึ่งเป็นผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่พบเชื้่อ จะได้รับการดูแลรักษาภายในพื้นที่เรือนจำ/ทัณฑสถาน ที่จัดทำพื้นที่เป็นโรงพยาบาลสนามเฉพาะ โดยจะได้รับยาสารสกัดฟ้าทะลายโจร และยาผงฟ้าทะลายโจร รวมถึงยาต้านไวรัส และยารักษาอื่นๆ ตามอาการ ซึ่งทางกรมราชทัณฑ์ได้เร่งดำเนินการเพื่อสนับสนุน ทั้งในส่วนของยารักษาและบรรเทาอาการ เวชภัณฑ์ อุปกรณ์ที่ใช้ในการรักษา รวมถึงการจัดทีมแพทย์และพยาบาลจากส่วนกลางและเรือนจำ/ทัณฑสถานในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ที่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว เพื่อเข้าดูแลและช่วยเหลือในพื้นที่ให้สถานการณ์อยู่ในการควบคุมโดยเร็วที่สุด

นายอายุตม์ กล่าวเพิ่มเติม ว่า การบริหารจัดการพื้นที่เพื่อรับผู้ต้องขังเข้าใหม่ในพื้นที่จังหวัดสงขลา ในช่วงนี้ ผู้ต้องขังชายจากเรือนจำกลางสงขลา และเรือนจำจังหวัดสงขลา ที่เป็นผู้ต้องขังเข้าใหม่ จะถูกส่งตัวเข้าคุมขังที่ทัณฑสถานบำบัดพิเศษสงขลา ซึ่งยังปลอดเชื้ออยู่ ส่วนผู้ต้องขังหญิง จะนำส่งที่ทัณฑสถานหญิงสงขลาเช่นเคย โดยจัดพื้นที่ส่วนควบคุมใหม่ที่แยกประตูเข้า-ออกจากทัณฑสถานเดิมอย่างชัดเจน เพื่อเป็นพื้นที่ปลอดเชื้อในการรับตัวผู้ต้องขังเข้าใหม่ทุกรายต่อจากนี้จนกว่าสถานการณ์จะปกติ ซึ่งจะมีขั้นตอนการกักโรคและตรวจเชื้่อผู้ต้องขังเข้าใหม่ทุกรายตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดอย่างเคร่งครัด

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ที่พบการติดเชื้อในเรือนจำ/ทัณฑสถานหลายแห่ง อาจจะทำให้ญาติผู้ต้องขังหลายท่านเกิดความกังวลใจเกี่ยวกับสุขภาพและความเป็นอยู่ของผู้ต้องขัง โดยเฉพาะในผู้ต้องขังที่ติดเชื้อ ซึ่งทางกรมราชทัณฑ์ได้มอบหมายให้ศูนย์ประสานงานและส่งเสริมการมีงานทำ หรือศูนย์ CARE ในทุกเรือนจำ/ทัณฑสถาน ทำหน้าที่แจ้งข้อมูลข่าวสาร รวมถึงเป็นผู้ให้ข้อมูลแก่ญาติที่สอบถามเข้ามาผ่านช่องทางต่างๆ อาทิ โทรศัพท์ ไลน์ หรือเฟซบุ๊กของเรือนจำ/ทัณฑสถาน ซึ่งที่ผ่านมาได้ดำเนินการตอบข้อสงสัยและให้ข้อมูลแก่ญาติผู้ต้องขังไปแล้ว 61,890 ราย เป็นการให้ข้อมูลผ่านทางโทรศัพท์ 17,610 ราย ผ่านช่องทางไลน์ 21,569 ราย และช่องทางเฟซบุ๊ก 22,711 ราย โดยเป็นเรือนจำที่พบการระบาด 23,050 ราย และเรือนจำที่ไม่พบการระบาด 38,840 ราย

ทั้งนี้ หากญาติผู้ต้องขังต้องการสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 ในเรือนจำ/ทัณฑสถาน สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ศูนย์ CARE ทุกเรือนจำ/ทัณฑสถาน หรือศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กรมราชทัณฑ์ (ศบค.รท.) หมายเลข 02-9673382, 02-9672222 ต่อ 199 หรือค้นหาช่องติดต่อเรือนจำ/ทัณฑสถาน ผ่านแอปพลิเคชันไลน์ กรมราชทัณฑ์ ID : @thaidoc หรือเฟซบุ๊ก : ประชาสัมพันธ์ กรมราชทัณฑ์