น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้ (15 มิ.ย.) คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม ประจำปี 2563 จำนวน 11 สาขา โดยมีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น 7 สาขา ได้แก่ 1.ทรัพยากรดินและการใช้ที่ดิน พบมีพื้นที่เพาะปลูกเกษตรอินทรีย์เพิ่มขึ้น 2.ทรัพยากรแร่ การผลิตและการใช้แร่ลดลง 3.พลังงาน การใช้พลังงานหมุนเวียนเพิ่มขึ้น 4.ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรประมงเพิ่มขึ้น 5.ความหลากหลายทางชีวภาพ พื้นที่ชุ่มน้ำที่ขึ้นทะเบียนเป็นแรมซาร์ไซต์ หรือพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น 6.สิ่งแวดล้อมชุมชน อัตราส่วนพื้นที่สีเขียวในพื้นที่กรุงเทพมหานครเพิ่มขึ้น และ 7.สิ่งแวดล้อมธรรมชาติและศิลปกรรม สถานภาพแหล่งธรรมชาติที่ควรอนุรักษ์ไว้ส่วนใหญ่อยู่ในระดับดี
สำหรับสาขาที่มีการเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ควรเฝ้าติดตาม มี 4 สาขา ประกอบด้วย 1. ทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่า พบว่า พื้นที่ป่าไม้คงที่ แต่พื้นที่ไฟไหม้ ความรุนแรงของไฟไหม้รวมทั้งจุดความร้อนสะสมในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติและพื้นที่ป่าอนุรักษ์เพิ่มขึ้น ส่งผลให้จำนวนสัตว์ป่าหลายชนิดอยู่ในสถานการณ์ที่ควรเฝ้าติดตาม 2.ทรัพยากรน้ำ ปริมาณฝนลดลง ทำให้ปริมาตรน้ำในอ่างเก็บน้ำและน้ำใช้การได้ลดลง รวมทั้งน้ำบาดาลมีระดับลดลงด้วยเช่นกัน 3.สถานการณ์มลพิษ คุณภาพอากาศเกินค่ามาตรฐานในพื้นที่เมืองใหญ่ หมอกควันจากไฟป่าในพื้นที่ภาคเหนือรุนแรงมากขึ้น รวมทั้งขยะมูลฝอยและของเสียอันตรายจากชุมชนเพิ่มขึ้น และ 4.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติ พบว่า อุณหภูมิเฉลี่ยเพิ่มขึ้นและปริมาณฝนเฉลี่ยลดลง
ทั้งนี้ ปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) ส่งผลให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมตามมา มีพลาสติกเป็นองค์ประกอบของขยะมูลฝอยเพิ่มขึ้นจากการสั่งซื้อสินค้าทางออนไลน์ และสั่งซื้ออาหารออนไลน์ รวมถึงมีมูลฝอยติดเชื้อจากผู้ที่ต้องสังเกตอาการและผู้ที่ติดเชื้อปะปนในขยะมูลฝอยชุมชนด้วย
สำหรับสาขาที่มีการเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ควรเฝ้าติดตาม มี 4 สาขา ประกอบด้วย 1. ทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่า พบว่า พื้นที่ป่าไม้คงที่ แต่พื้นที่ไฟไหม้ ความรุนแรงของไฟไหม้รวมทั้งจุดความร้อนสะสมในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติและพื้นที่ป่าอนุรักษ์เพิ่มขึ้น ส่งผลให้จำนวนสัตว์ป่าหลายชนิดอยู่ในสถานการณ์ที่ควรเฝ้าติดตาม 2.ทรัพยากรน้ำ ปริมาณฝนลดลง ทำให้ปริมาตรน้ำในอ่างเก็บน้ำและน้ำใช้การได้ลดลง รวมทั้งน้ำบาดาลมีระดับลดลงด้วยเช่นกัน 3.สถานการณ์มลพิษ คุณภาพอากาศเกินค่ามาตรฐานในพื้นที่เมืองใหญ่ หมอกควันจากไฟป่าในพื้นที่ภาคเหนือรุนแรงมากขึ้น รวมทั้งขยะมูลฝอยและของเสียอันตรายจากชุมชนเพิ่มขึ้น และ 4.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติ พบว่า อุณหภูมิเฉลี่ยเพิ่มขึ้นและปริมาณฝนเฉลี่ยลดลง
ทั้งนี้ ปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) ส่งผลให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมตามมา มีพลาสติกเป็นองค์ประกอบของขยะมูลฝอยเพิ่มขึ้นจากการสั่งซื้อสินค้าทางออนไลน์ และสั่งซื้ออาหารออนไลน์ รวมถึงมีมูลฝอยติดเชื้อจากผู้ที่ต้องสังเกตอาการและผู้ที่ติดเชื้อปะปนในขยะมูลฝอยชุมชนด้วย