นายนิวัติไชย เกษมมงคล รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงข่าวกรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติมอบหมายคณะผู้ไต่สวนเบื้องต้น เพื่อดำเนินการไต่สวนเบื้องต้นกับ พ.ต.อ.สมพงศ์ ทิพย์อาภากุล เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้กำกับการ สถานีตำรวจภูธรทุ่งสง อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช
โดยปรากฏข้อเท็จจริงฟังได้ว่า เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2563 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้จัดสรรเงินค่าตอบแทน (ค่าเบี้ยเลี้ยงงบโควิด-19) ให้สถานีตำรวจภูธรทุ่งสง อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อเบิกจ่ายค่าตอบแทนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ที่ได้รับคำสั่งให้ปฏิบัติงานนอกที่ตั้งศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคงได้ตามที่ตกลงในอัตราคนละ 60 บาทต่อชั่วโมง โดยเบิกจ่ายเท่ากับที่ปฏิบัติงานจริง แต่ไม่เกิน 7 ชั่วโมงต่อวัน ทั้งในวันราชการและวันหยุดราชการ และงดเบิกค่าเบี้ยเลี้ยงเดินทางไปราชการ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคม 2563 เป็นต้นไป จนกว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) จะยุติลง
ต่อมาสถานีตำรวจภูธรทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้มีการประชุมประจำเดือนกันยายน 2563 ในวันอังคารที่ 29 กันยายน 2563 ณ สถานีตำรวจภูธรทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยมี พ.ต.อ.สมพงศ์ เป็นประธานที่ประชุม มีข้าราชการตำรวจเข้าประชุมประมาณ 200 นาย โดยในที่ประชุมได้ชี้แจงเกี่ยวกับการได้รับการจัดสรรงบประมาณสำหรับค่าใช้จ่ายในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคงของตำรวจ เพื่อบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
โดย พ.ต.อ.สมพงศ์ ได้ชี้แจงรายละเอียดงบประมาณและวิธีการเบิกจ่ายให้ในที่ประชุมทราบ โดยในส่วนของจำนวนเงินค่าตอบแทน (ค่าเบี้ยเลี้ยงงบโควิด-19) นั้น พ.ต.อ.สมพงศ์ ได้สั่งการให้ข้าราชการตำรวจทุกนายของสถานีตำรวจภูธรทุ่งสง มีสิทธิได้รับค่าตอบแทนรายละ 15,000 บาท และให้ข้าราชการตำรวจที่ได้รับเงินเกินจาก 15,000 บาท นำไปบริจาคให้กับสถานีตำรวจภูธรทุ่งสง เพื่อนำไปจัดสรรให้กับข้าราชการตำรวจที่ได้รับการจัดสรรน้อยกว่า 15,000 บาท เพื่อความเท่าเทียมกันและเพื่อความสามัคคีในสถานีตำรวจภูธรทุ่งสง ส่วนเงินที่เหลือจากการปันส่วน ให้เก็บไว้เป็นกองกลางเป็นเงินบริหารของสถานีตำรวจภูธรทุ่งสง ใช้สำหรับจัดหาอุปกรณ์ในการปฏิบัติงาน จัดงานตำรวจ จัดงานสังสรรค์ภายในสถานีตำรวจภูธรทุ่งสง เงินรางวัลผู้ปฏิบัติงานและอื่นๆ โดยให้เจ้าหน้าที่การเงินสถานีตำรวจภูธรทุ่งสงมีหน้าที่ในการเก็บรวบรวมเงินดังกล่าว
ทั้งที่ พ.ต.อ.สมพงศ์ ทราบดีอยู่แล้วว่าเงินค่าตอบแทน (ค่าเบี้ยเลี้ยงงบโควิด-19) ดังกล่าว เป็นการจ่ายค่าตอบแทนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ที่ได้รับคำสั่งให้ปฏิบัติงานนอกที่ตั้งศูนย์ปฏิบัติการ ในขณะนั้นมีข้าราชการตำรวจหลายรายไม่เห็นด้วย แต่ไม่มีใครโต้แย้งหรือคัดค้าน
ปรากฏข้อเท็จจริงต่อมาว่าสถานีตำรวจภูธรทุ่งสง ได้เรียกเก็บเงินค่าตอบแทน (ค่าเบี้ยเลี้ยงงบโควิด-19) จากข้าราชการตำรวจผู้ปฏิบัติงานนอกที่ตั้งศูนย์ปฏิบัติการ และได้มีการนำไปจัดสรรให้กับข้าราชการตำรวจที่ได้รับจัดสรรน้อยกว่า 15,000 บาท และข้าราชการตำรวจที่ไม่มีสิทธิจะได้รับ เพื่อให้ถึงจำนวน 15,000 บาท โดยหากมีข้าราชการตำรวจรายใดไม่เห็นด้วยและไม่ยอม นำเงินค่าตอบแทน (ค่าเบี้ยเลี้ยงงบโควิด-19) มาคืนให้กับสถานีตำรวจภูธรทุ่งสง พ.ต.อ.สมพงศ์ จะออกคำสั่งย้ายปรับเปลี่ยนหน้าที่ข้าราชการตำรวจรายนั้น เพื่อไม่ให้ข้าราชการตำรวจรายอื่นถือเป็นตัวอย่าง
คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณาสำนวนการไต่สวนแล้วเห็นว่า การกระทำของ พ.ต.อ.สมพงศ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง เห็นควรส่งรายงาน เอกสาร และความเห็นไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี และส่งรายงาน เอกสาร และความเห็นไปยังผู้บังคับบัญชาหรือผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนเพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ตามมาตรา 91 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ต่อไป