นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า ตามที่มีการเผยแพร่ข่าวกรณีพบกลุ่มบุคคลสวมเสื้อวินรถจักรยานยนต์สาธารณะเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ โดยไม่ได้ลงทะเบียนนั้น นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้มอบหมายให้กรมการขนส่งทางบกดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าวทันที ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่ากลุ่มบุคคลดังกล่าวจำนวนประมาณ 20 คน ได้เข้ามาที่ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน ที่ผ่านมา โดยสวมเสื้อวินรถจักรยานยนต์สาธารณะและแจ้งความประสงค์จะเข้ารับการฉีดวัคซีน แต่จากการตรวจสอบไม่พบประวัติการลงทะเบียนและไม่มีใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์สาธารณะ เจ้าหน้าที่จึงปฏิเสธการให้บริการ ไม่ให้กลุ่มบุคคลดังกล่าวเข้ารับการฉีดวัคซีน
โดยกระบวนการลงทะเบียนเพื่อเข้ารับการฉีดวัคซีนของกรมการขนส่งทางบก กำหนดให้ต้องลงทะเบียนแจ้งความจำนงล่วงหน้าผ่านช่องทางที่กำหนดไว้เท่านั้น ซึ่งหากเป็นผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์สาธารณะ ต้องลงทะเบียนที่หัวหน้าวินที่ตนเป็นสมาชิก หรือสมาคมที่สังกัดอยู่ หรือลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ กรมการขนส่งทางบก หรือยื่นความจำนงได้ที่สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-5 หรือสำนักการขนส่งผู้โดยสาร กรมการขนส่งทางบก
ส่วนกรณีผู้ให้บริการในระบบขนส่งสาธารณะที่ไม่ได้ลงทะเบียนล่วงหน้า แต่เดินทางมาที่ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ กรมการขนส่งทางบกจะตั้งจุดลงทะเบียนและจัดเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกให้คำแนะนำการลงทะเบียน โดยรายชื่อผู้ลงทะเบียนทั้งหมดจะถูกตรวจสอบเพื่อยืนยันการเป็นผู้ให้บริการในระบบขนส่งสาธารณะ ก่อนส่งให้กระทรวงคมนาคม เพื่อส่งให้กระทรวงสาธารณสุขจัดสรรวัคซีนโควิด-19 ให้ตามลำดับ
โดยผู้ได้รับสิทธิฉีดวัคซีนจะได้รับข้อความ SMS ภายใน 2-3 วันหลังจากลงทะเบียน เพื่อแจ้งวันที่และเวลาในการเข้ารับการฉีดวัคซีน โดยในวันเข้ารับบริการที่ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อต้องผ่านขั้นตอนการตรวจสอบข้อความ SMS ยืนยันสิทธิ ตรวจสอบบัตรประจำตัวประชาชน ใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะ ใบอนุญาตขับขี่รถจักรยานยนต์สาธารณะ หรือใบอนุญาตเป็นผู้ประจำรถ และต้องแต่งกายด้วยชุดที่ใช้ในการประกอบอาชีพให้บริการรถโดยสารสาธารณะแต่ละประเภท
สำหรับกรณีของกลุ่มบุคคลดังกล่าวที่แอบอ้างสวมเสื้อวินฯ กรมการขนส่งทางบกอยู่ระหว่างดำเนินการรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานนำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อพิจารณาดำเนินการสืบสวนสอบสวนและดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ การดำเนินงานของศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อตั้งแต่วันที่ 24 พฤษภาคม - 6 มิถุนายน 2564 ได้ดำเนินการฉีดวัคซีนให้กับบุคลากรด่านหน้าในระบบขนส่งสาธารณะที่ลงทะเบียนล่วงหน้าไว้ครบถ้วนแล้ว เพื่อเร่งสร้างภูมิคุ้มกันและป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้ประชาชนมีความปลอดภัยในการใช้บริการขนส่งสาธารณะตามเจตนารมณ์ของกระทรวงคมนาคม ก่อนเปิดให้บริการฉีดวัคซีนประชาชนทั่วไปที่ลงทะเบียนล่วงหน้าผ่านภาคเอกชน ตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน ที่ผ่านมา
โดยกระบวนการลงทะเบียนเพื่อเข้ารับการฉีดวัคซีนของกรมการขนส่งทางบก กำหนดให้ต้องลงทะเบียนแจ้งความจำนงล่วงหน้าผ่านช่องทางที่กำหนดไว้เท่านั้น ซึ่งหากเป็นผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์สาธารณะ ต้องลงทะเบียนที่หัวหน้าวินที่ตนเป็นสมาชิก หรือสมาคมที่สังกัดอยู่ หรือลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ กรมการขนส่งทางบก หรือยื่นความจำนงได้ที่สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-5 หรือสำนักการขนส่งผู้โดยสาร กรมการขนส่งทางบก
ส่วนกรณีผู้ให้บริการในระบบขนส่งสาธารณะที่ไม่ได้ลงทะเบียนล่วงหน้า แต่เดินทางมาที่ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ กรมการขนส่งทางบกจะตั้งจุดลงทะเบียนและจัดเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกให้คำแนะนำการลงทะเบียน โดยรายชื่อผู้ลงทะเบียนทั้งหมดจะถูกตรวจสอบเพื่อยืนยันการเป็นผู้ให้บริการในระบบขนส่งสาธารณะ ก่อนส่งให้กระทรวงคมนาคม เพื่อส่งให้กระทรวงสาธารณสุขจัดสรรวัคซีนโควิด-19 ให้ตามลำดับ
โดยผู้ได้รับสิทธิฉีดวัคซีนจะได้รับข้อความ SMS ภายใน 2-3 วันหลังจากลงทะเบียน เพื่อแจ้งวันที่และเวลาในการเข้ารับการฉีดวัคซีน โดยในวันเข้ารับบริการที่ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อต้องผ่านขั้นตอนการตรวจสอบข้อความ SMS ยืนยันสิทธิ ตรวจสอบบัตรประจำตัวประชาชน ใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะ ใบอนุญาตขับขี่รถจักรยานยนต์สาธารณะ หรือใบอนุญาตเป็นผู้ประจำรถ และต้องแต่งกายด้วยชุดที่ใช้ในการประกอบอาชีพให้บริการรถโดยสารสาธารณะแต่ละประเภท
สำหรับกรณีของกลุ่มบุคคลดังกล่าวที่แอบอ้างสวมเสื้อวินฯ กรมการขนส่งทางบกอยู่ระหว่างดำเนินการรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานนำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อพิจารณาดำเนินการสืบสวนสอบสวนและดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ การดำเนินงานของศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อตั้งแต่วันที่ 24 พฤษภาคม - 6 มิถุนายน 2564 ได้ดำเนินการฉีดวัคซีนให้กับบุคลากรด่านหน้าในระบบขนส่งสาธารณะที่ลงทะเบียนล่วงหน้าไว้ครบถ้วนแล้ว เพื่อเร่งสร้างภูมิคุ้มกันและป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้ประชาชนมีความปลอดภัยในการใช้บริการขนส่งสาธารณะตามเจตนารมณ์ของกระทรวงคมนาคม ก่อนเปิดให้บริการฉีดวัคซีนประชาชนทั่วไปที่ลงทะเบียนล่วงหน้าผ่านภาคเอกชน ตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน ที่ผ่านมา