นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงประสิทธิภาพวัคซีนโควิด-19 ของซิโนแวค ว่า ถือว่าเป็นข่าวดี หลังมีผลศึกษาวิจัย ว่า วัคซีนซิโนแวคสามารถฉีดได้ในเด็กอายุ 3 ปี ขึ้นไปนั้น แต่ขอให้รอผลการศึกษาที่ชัดเจนอีกครั้ง พร้อมย้ำว่า วัคซีนที่ไทยจะได้รับ ยังคงเป็นไปตามเป้า เบื้องต้นใน 2 สัปดาห์แรก กระจายไป 3.5 ล้านโดส ขณะนี้คณะกรรมการวิชาการ ฯ ได้ให้คำแนะนำว่า วัคซีน 2 ชนิด ทั้งแอสตร้าเซนเนก้า และซิโนแวค สามารถฉีดได้ครอบคลุมตั้งแต่ผู้อายุ 18 ปีขึ้นไป จนถึงผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป การพิจารณาฉีดวัคซีนชนิดไหนก็สามารถทำได้ไม่แตกต่างกัน อยู่ที่แต่ละพื้นที่พิจารณา เนื่องจากหากเป็นในพื้นที่ระบาด การฉีดแอสตร้าเซนเนก้าเพียง 1 เข็ม สามารถชะลอและควบคุมโรคได้นานถึง 3 เดือน จากนั้นถึงเริ่มฉีดเข็ม 2 ได้ แต่หากเป็นซิโนแวค ต้องฉีดต่อเนื่องถึง 2 เข็ม ถึงจะสร้างภูมิคุ้มกัน ทำให้บางพื้นที่ต้องพิจารณาฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าก่อน
ด้านนายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า วันนี้กระจายวัคซีนซิโนแวคไปในพื้นที่อีก 7.5 แสนโดส ตามแผนที่ได้วางไว้กับทาง ศบค. จากนั้นจะมีวัคซีนที่ผ่านการตรวจรับรองรุ่นการผลิตของซิโนแวคอีก 5 แสนโดส เข้ามาในระบบ และทยอยส่งมอบในพื้นที่ จากนั้นวันที่ 10 มิถุนายน จะมีวัคซีนของซิโนแวคทยอยเข้ามาอีก 1 ล้านโดส และวันที่ 14 มิถุนายน จะมีวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าทยอยเข้ามาอีก แต่ยังไม่สามารถระบุจำนวนได้
ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงภาพรวมการฉีดวัคซีนทั่วประเทศ ว่า ขณะนี้ทุกพื้นที่มีความพร้อมในการฉีดวัคซีนได้และรับการกระจายวัคซีนไปในครบทุกจังหวัดแล้ว แต่จะเป็นลักษณะของวัคซีนที่ทยอยเข้ามา ดังนั้น ต้องมีการบริหารจัดการให้ดี จะฉีดครั้งเดียวหมดก็ไม่ได้ ต้องพิจารณาฉีดให้ต่อเนื่อง และเป็นอำนาจของแพทย์ในพิจารณาว่าจะให้วัคซีนชนิดใดกับผู้มารับการฉีด ทั้งแอสตร้าเซนเนก้า หรือซิโนแวค แต่ยืนยันว่า วัคซีนที่รัฐบาลจัดหามาให้นั้น ทั้ง 2 ชนิดมีประสิทธิภาพเท่าเทียม ไม่อยากให้ประชาชนเข้าใจว่า อันไหนดีกว่ากัน พร้อมย้ำว่า เรื่องการฉีดวัคซีนเป็นวาระแห่งชาติ ดังนั้น ทุกภาคส่วนต้องให้ความสำคัญ