แพทย์หญิงอภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม ศบค.ชุดเล็ก ได้หารือถึงการแพร่ระบาดภายในโรงงานแปรรูปเนื้อไก่ที่จังหวัดสระบุรี โดยมีพนักงานจำนวนมาก แบ่งเป็นพนักงานชาวไทยกว่า 4,000 คน และชาวต่างชาติกว่า 1,000 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวกัมพูชา การติดเชื้อมีทั้งในส่วนของพนักงานแปรรูปเนื้อสัตว์ ฝ่ายเตรียมการผลิต และในส่วนของออฟฟิศ โดยพบพนักงานชาวกัมพูชาติดเชื้อมากกว่าคนไทย 3.9 เท่า เนื่องจากพักอาศัยร่วมกันในหอพักที่ค่อนข้างแออัด 1 ห้องอยู่รวมกัม 3 คน รวมถึงรวมกลุ่มและใช้ส่วนกลางร่วมกัน
ขณะที่กลุ่มแรงงานช่าง พบติดเชื้อน้อย เพราะมีมาตรการทางด้านสาธารณสุขที่ค่อนข้างดี และมีความระมัดระวังสูง
ทั้งนี้ ช่วงสองเดือนที่ผ่านมา มีคลัสเตอร์โรงงานจำนวน 10 โรงงาน ปัจจัยที่ทำให้เกิดการติดเชื้อภายในโรงงาน คือเรื่องสถานที่แออัด การระบายอากาศไม่ดีพอ จุดสัมผัสร่วมกันไม่สะอาด รวมถึงกิจกรรมที่ทำร่วมกัน โดยในโรงงานขนาดใหญ่พบการติดเชื้อมากถึงร้อยละ 20 โรงงานขนาดกลางและเล็กมีการติดเชื้อร้อยละ 5
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมฯ ได้จัดทำแผนมาตรการป้องกันการควบคุมโรคภายในโรงงาน เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อและลดความรุนแรงไม่ให้แพร่กระจายไปในชุมชนเป็นวงกว้าง และเพื่อปกป้องเศรษฐกิจและสังคม ให้สถานประกอบการปลอดภัยและดำเนินกิจการได้ในช่วงที่มีการแพร่ระบาด โดยมีโรงงานที่ได้ลงทะเบียนไว้กับกระทรวงอุตสาหกรรมมีทั้งหมด 63,029 แห่ง ที่ผ่านมากรมอนามัย ได้รณรงค์ให้โรงงานและตลาด ใช้เครื่องมือดำเนินการบนแพลตฟอร์มดิจิทัล Good factory practice คือ Thai stop covid+ (TSC+) ในการทำแบบประเมินทางด้านป้องกันโรค ด้านอนามัยสิ่งแวดล้อมและมาตรการเมื่อพบผู้ติดเชื้อ แต่ในช่วงที่ผ่านมามีเพียง 2,800 โรงงาน ที่เข้าไปทำแบบประเมิน โดยเฉพาะในโรงงานขนาดใหญ่ทำแบบประเมินเพียง 650 โรงงาน คิดเป็นร้อยละ 20 จึงเน้นย้ำว่า ภายในวันที่ 15 มิถุนายนนี้ โรงงานขนาดใหญ่ทุกโรงงานจะต้องเข้าไปทำแบบประเมินให้ครบ 100% และขอให้ตอบตามความเป็นจริง หากประเมินไม่ผ่าน ไม่ต้องกังวล เพราะจะมีทีมเจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยเหลือ ทำให้โรงงานปลอดภัย
ผู้ช่วยโฆษก ศบค. เปิดเผยด้วยว่า ที่ประชุมฯ ได้มอบหมายให้กรมควบคุมโรคทบทวนรายละเอียดมาตรการการจัดการของแคมป์คนงาน ควบคุมการแพร่ระบาดให้อยู่ในแคมป์ เพื่อให้สถานประกอบการและแคมป์คนงานเข้าใจตรงกันอย่างถูกต้อง เพราะขณะนี้มีหลายแคมป์ที่คิดว่าปฏิบัติถูกต้องและเพียงพอแล้ว แต่ยังทำให้เกิดการแพร่ระบาด ดังนั้น กรมควบคุมโรคจะมีข้อปฏิบัติอย่างละเอียดให้แคมป์คนงาน และหากไม่ปฏิบัติตาม ให้ฝ่ายความมั่นคงสนับสนุนการทำงานของกรุงเทพมหานคร และกรมควบคุมโรค
ทั้งนี้ ขอฝากไปยังเจ้าของสถานประกอบการและแคมป์คนงาน ว่า ภาครัฐไม่ต้องการใช้บทลงโทษ แต่ขอความร่วมมือ เพื่อดูแลคนงานทุกคนให้เกิดความปลอดภัย และแม้มาตรการของรัฐจะมีความเข้มข้น แต่หากผู้ประกอบการและสถานประกอบการไม่ปฏิบัติตาม ประชาชนก็จะไม่ปลอดภัยเช่นกัน