การประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันนี้ มีวาระพิจารณา พ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และ พ.ร.ก.การให้ความช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) แต่ยังไม่มีพิจารณา พ.ร.ก.กู้เงิน 500,000 ล้านบาท เพราะสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ยังส่งพระราชกำหนดดังกล่าวไม่ถึงสภาผู้แทนราษฎร แต่หาก พ.ร.ก.กู้เงิน ส่งมาถึง ก็สามารถบรรจุทันที แต่ต้องพิจารณาหลังจากพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ แล้วเสร็จในสัปดาห์หน้าก่อน
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ชี้แจงหลักการของ พ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ว่า ใช้บังคับมานานกว่า 95 ปี ไม่สอดคล้องกับเศรษฐกิจในปัจจุบัน มีการเรียกเก็บดอกเบี้ยในอัตราสูง ไม่เป็นธรรมกับลูกหนี้ อีกทั้งโควิด-19 ทำให้ลูกหนี้ไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนดเวลา ถือเป็นกรณีฉุกเฉิน ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ที่รัฐบาลต้องตราพระราชกำหนด เพื่อให้ปรับเปลี่ยนการคิดอัตราดอกเบี้ยให้สอดคล้องกับสภาวการณ์ โดยให้ปรับลดเหลืออัตราร้อยละ 3 ต่อปี สามารถคิดอัตราดอกเบี้ยลดหรือเพิ่มได้ และสามารถทบทวนได้ทุก 3 ปี
ขณะที่ ส.ส.ต่างอภิปรายสนับสนุน เพราะเห็นว่าจะเกิดประโยชน์แก่ลูกหนี้ ทำให้ได้รับความเป็นธรรมจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงเกินควรกรณีผิดนัดชำระหนี้ที่คำนวนเงินเฉพาะเดือนที่ผิดชำระหนี้ โดยไม่คิดจากเงินต้นทั้งหมด
ทั้งนี้ ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีมติอนุมัติการแก้ไขพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พ.ศ. 2564 ด้วยคะแนน 403 เสียง ไม่เห็นด้วย 1 เสียง และงดออกเสียง 2 เสียง