นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตั้งแต่ประเทศไทยได้เริ่มทำการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เข็มแรกเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ - 13 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ประเทศไทยได้บริการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้ประชาชนแล้วมากกว่า 2,124,732 โดส ครอบคลุม 77 จังหวัดทั่วประเทศ โดยผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 แล้ว มีจำนวน 1,416,732 ราย แบ่งเป็น บุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ที่มีโอกาสสัมผัสผู้ป่วย 869,860 ราย ประชาชนในพื้นที่เสี่ยง 411,706 ราย ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไปและผู้ที่มีโรคประจำตัว 134,866 ราย มีผู้ที่ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็ม จำนวน 708,300 ราย แบ่งเป็น บุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ที่มีโอกาสสัมผัสผู้ป่วย 435,092 ราย ประชาชนในพื้นที่เสี่ยง 232,362 ราย ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปี ขึ้นไปและผู้ที่มีโรคประจำตัว 40,846 ราย
ทั้งนี้ หากคิดเป็นจำนวนโดสที่เข้ามาในไทยและได้รับการจัดสรรแล้ว กรณีของบุคลากรการแพทย์และเจ้าหน้าที่ที่มีโอกาสสัมผัสผู้ป่วย ได้รับการฉีดวัคซีนแล้วจำนวน 1,304,952 โดส คิดเป็นร้อยละ 61.42 ของจำนวนโดสทั้งหมดที่เข้ามา ส่วนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงได้รับวัคซีนแล้ว 644,068โดส คิดเป็นร้อยละ 30.31 ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปี ขึ้นไปและผู้ที่มีโรคประจำตัวได้รับวัคซีนแล้ว 175,712 โดส คิดเป็นร้อยละ 8.27 จนถึงวันนี้พบผู้ที่มีอาการไม่พึงประสงค์ภายหลังได้รับวัคซีนที่ได้รับการยืนยันจากคณะผู้เชี่ยวชาญแล้วมีเพียง 14ราย ซึ่งทุกรายอาการหายเป็นปกติแล้ว และยังไม่พบผู้เสียชีวิตที่มีสาเหตุจากวัคซีน
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตั้งแต่วัคซีนโควิด-19 ล็อตแรกที่เข้าถึงไทยเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 ปัจจุบันได้มีการจัดสรรวัคซีนไปแล้ว 2,454,496 โดส ขณะที่วัคซีนของบริษัท ซิโนแวค ทยอยถูกส่งเข้ามาอีกในเดือนพฤษภาคมนี้ ซึ่งเข้ามาแล้วเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม จำนวน 1 ล้านโดส ต่อมาเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม มาถึงไทยอีก 500,000 โดส และในวันที่ 15 พฤษภาคม อีก 500,000 โดส และก่อนสิ้นเดือนพฤษภาคม จะถูกส่งมาให้อีก 1.5 ล้านโดส ดังนั้น รวมเฉพาะเดือนพฤษภาคม จะมีวัคซีนของซิโนแวค เข้ามาทั้งสิ้น 3.5 ล้านโดส ซึ่งทั้งหมดพร้อมจะถูกกระจายไปยัง 77 จังหวัด
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีมีนโยบายการจัดหาวัคซีนให้เพียงพอกับประชาชนทุกคน จึงได้ปรับเพิ่มการจัดหาวัคซีนจาก 100 ล้านโดส เป็น 150 ล้านโดส ส่วนรูปแบบการกระจายวัคซีนนั้น จะดำเนินการผ่าน 3 รูปแบบ คือ การนัดผ่านไลน์ หรือแอปพลิเคชัน "หมอพร้อม" นัดเป็นกลุ่ม อาทิ ผ่านอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) หรือผ่านทางองค์กรภาครัฐและเอกชนที่จะรวบรวมสมาชิก และการวอล์กอินที่จะเริ่มขึ้นในเดือนมิถุนายนนี้ โดยสัดส่วนการจัดสรรทั้ง 3 รูปแบบ จะปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสมตามที่คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเห็นสมควร ซึ่งขึ้นอยู่กับความพร้อมของแต่ละพื้นที่ด้วย และจะต้องพิจารณาปริมาณวัคซีนและสถานการณ์การแพร่ระบาดในพื้นที่นั้นๆ
