นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) โพสต์เฟชบุ๊ก ระบุว่า " แม่เพนกวินโทรมาเล่าอาการของลูกชายด้วยเสียงปนสะอื้นว่าน้องดูแย่มากแล้ว จะยื่นประกันตัวอีกครั้ง แม้ทนายประเมินโอกาสว่ายากมากแต่แม่ต้องทำในสิ่งที่ทำได้และไม่สิ้นหวังเมื่อได้ทำ
ประสบการณ์ตรงของผมกับเพื่อนมิตรคราวติดคุกปี 2553 คดีก่อการร้ายอัตราโทษสูงสุดประหารชีวิต ยื่นประกันตัวทั้งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์รวมเกือบ 20 ครั้ง จนได้ประกันเมื่อเวลาผ่านไปแล้ว 9 เดือน และในคดีนั้นเราต่อสู้จนศาลชั้นต้นยกฟ้อง
ทุกครั้งที่ไม่ได้ประกันศาลวินิจฉัยว่าไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่ง แต่ตอนได้ประกันตัวมีการไต่สวนคำร้องโดยคนในรัฐบาลขึ้นเป็นพยานให้ฝ่ายผู้ต้องขัง คุณวีระกานต์ประธานนปช.ได้ประกันไปก่อนตั้งแต่ 2 เดือนแรกมีคุณกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เลขาธิการนายกฯขณะนั้นเป็นพยาน
แม้มีคำถามว่าประธานได้ประกันไปแล้วลูกทีมทำไมถึงไม่ได้ แต่ในที่สุดผม และพรรคพวกอีก 7 คนได้ประกันในเดือนที่ 9 โดยพล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกฯ ศ.ดร.คณิต ณ นคร ประธานคอป. พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 เป็นพยาน
เล่าเรื่องนี้ให้ฟังเพื่อบอกว่าแม้เป็นอำนาจอิสระของศาล แต่ท่าทีของรัฐบาลน่าจะมีนัยสำคัญต่อการพิจารณาคำร้องขอประกันตัวผู้ต้องขังด้วย โดยเฉพาะคดีที่เกิดจากการต่อสู้ทางการเมือง ผมเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจอย่างนี้ คำถามคือ รัฐบาลคิดอย่างไร
นายกฯ พูดหลายหนว่า รัฐบาลไม่เกี่ยว แล้วตัวอย่างที่ผมเล่ามาควรไตร่ตรองดูหรือไม่ สมมติว่าเปลี่ยนจาก พล.ต.สนั่น วันนั้นเป็น พล.อ.ประวิตรวันนี้ผลจะเป็นอย่างไร
ผมไม่ได้คาดคั้นต่อตัวบุคคล แต่เห็นว่าเหตุการณ์มาถึงวันนี้ถ้ารัฐบาลยังเพิกเฉยก็เท่ากับจะปล่อยให้เด็กค่อยๆตายไปทีละคนในคุกหรือไม่ แล้วประเทศจะได้อะไรนอกจากรอยแผลลึกของยุคสมัย
จากสภาพร่างกาย สถานการณ์โควิด 19 กระทั่งบริบทของการต่อสู้ ได้ประกันออกมาก็ไม่ใช่จะเคลื่อนไหวอะไรได้ง่ายๆ ยังไม่นับเงื่อนไขหากศาลจะกำหนดก็อาจจำกัดบทบาทพวกเขาไว้อีกชั้นหนึ่ง
เพนกวิน รุ้ง และเพื่อนๆ อดอาหารจนได้ประกันตัวก็ใช่ว่าจะชนะ เพราะการต่อสู้ยังอีกยาวไกล รัฐบาลขยับตัวช่วยเหลือก็ไม่แพ้เพราะเมตตาต้องมาจากผู้เป็นใหญ่ ศาลก็รักษาสถานะไว้ได้ท่ามกลางความขัดแย้งที่แหลมคม
ปล่อยเด็กออกมารักษาตัว ให้สู้คดีอย่างเต็มที่เสียเถิด ถ้ามีคนตายในห้องขังแม้แต่องค์กรศาลก็ไม่รู้จะถูกบันทึกในประวัติศาสตร์อย่างไร
เพนกวิน รุ้ง และเพื่อนๆ อดข้าวเท่ากับกดดันและทำร้ายตัวเองจะว่าอย่างนั้นก็ได้ แต่พวกเขาทำเพื่อเรียกร้องการประกันตัวซึ่งเป็นสิทธ์โดยชอบตามกฎหมาย เป็นวิถีการต่อสู้ที่ต้องเคารพและเข้าใจ
สถานการณ์ไปไกลมากแล้ว อย่าให้เลวร้ายไปกว่านี้เลยครับ"