นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร กล่าวว่า เรื่องของมาตรการสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าเมื่อออกจากบ้านหรือที่พักอาศัย ยังคงต้องสวมใส่อยู่ตลอดเวลาที่อยู่ข้างนอก หากไม่ปฏิบัติตามมีโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท โดยมาตรการบังคับตามกฎหมายนี้ทางจังหวัดสมุทรสาครเป็นจังหวัดแรกที่ดำเนินการฯ ตั้งแต่มีโควิด-19ระบาด เพราะต้องการให้ทุกคนรู้จักการป้องกันการติดเชื้อโควิด- 19 ด้วยการดูแลตนเองจากการสวมหน้ากากอนามัย ซึ่งเป็นการป้องกันที่ดีที่สุด
ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ยืนยันว่า ทางจังหวัดสมุทรสาครยังคงใช้มาตรการเข้มนี้อยู่นับตั้งแต่มีประกาศออกมา และไม่เคยลดระดับความเข้มข้นหรือผ่อนปรนลง หรือไม่เคยยกเลิกประกาศดังกล่าวเลย ดังนั้น จึงขอย้ำเตือนถึงพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดสมุทรสาคร ว่า วันนี้หากใครที่ออกจากบ้านแล้วไม่สวมหน้ากากอนามัย ยังคงต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท อยู่เช่นเดิม โดยได้เน้นย้ำไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้มีอำนาจในการจับปรับให้ปฏิบัติอย่างเคร่งครัด รวมถึงเรื่องของการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับมาตรการห้ามดื่มสุราในร้านอาหาร หรือสถานที่อื่นๆ ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน กับห้ามจัดงานเลี้ยงสังสรรค์รื่นเริง ซึ่งหมายรวมถึงห้ามมีการจัดกิจกรรมที่มีคนมารวมตัวกันเกิน 50 คน ด้วย ทั้งนี้ เนื่องมาจากสถานการณ์โควิด-19 ระลอกใหม่ที่กำลังระบาดอยู่ในขณะนี้ ซึ่งจะเห็นได้ว่า มีผู้ที่ติดเชื้อในแต่ละวันเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นพวกเรา "อย่ารอให้เป็นโควิด แล้วเพิ่งคิดจะป้องกัน เพราะมันอาจจะสายเกินไป"
ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร กล่าวด้วยว่า สำหรับการประเมินสถานการณ์โควิด -19 ขณะนี้ ต้องรอดูความชัดเจนในช่วงสัปดาห์ที่จะถึงนี้ว่าจะมีตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นหรือลดลงกว่าเดิมที่ผ่าน เพราะเป็นช่วงที่ครบกำหนดระยะการฟักตัวของเชื้อโรคหลังจากที่ผ่านพ้นสงกรานต์มาแล้ว โดยสิ่งที่ต้องเฝ้าระวังการระบาดในรอบนี้คือ แนวโน้มการระบาดเป็นลักษณะการระบาดแบบยกครัว เพราะด้วยเชื้อโรคชนิดสายพันธุ์อังกฤษ ที่มีการแพร่เชื้อได้อย่างรวดเร็ว ติดง่าย และอาการค่อนข้างรุนแรงกว่าสายพันธุ์ที่ระบาดในจังหวัดสมุทรสาคร อีกทั้งยังเกิดในกลุ่มก้อนคนไทยด้วย จึงน่าเป็นห่วงว่าหากทุกคนไม่เฝ้าระวังตัวเองแล้ว จะเกิดการระบาดจากคนหนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่งโดยเริ่มจากการติดกันเองของคนในครอบครัว แล้วแผ่เป็นวงกว้างจนยากต่อการควบคุมโรค
นายวีระศักดิ์ กล่าวด้วยว่า สำหรับตนเองที่เคยติดเชื้อโควิด-19 จนกลายเป็นผู้ป่วยวิกฤตหนักมาแล้ว แต่โชคดีที่ผ่านพ้นช่วงเวลาดังกล่าวมาได้ และได้กลับมาทำงานที่จังหวัดสมุทรสาครอีกครั้ง ก็ขอเป็นกำลังใจให้ผู้ป่วยโควิด-19 ทุกคน ให้หายจากโรคดังกล่าว กลับมามีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง
ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ยืนยันว่า ทางจังหวัดสมุทรสาครยังคงใช้มาตรการเข้มนี้อยู่นับตั้งแต่มีประกาศออกมา และไม่เคยลดระดับความเข้มข้นหรือผ่อนปรนลง หรือไม่เคยยกเลิกประกาศดังกล่าวเลย ดังนั้น จึงขอย้ำเตือนถึงพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดสมุทรสาคร ว่า วันนี้หากใครที่ออกจากบ้านแล้วไม่สวมหน้ากากอนามัย ยังคงต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท อยู่เช่นเดิม โดยได้เน้นย้ำไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้มีอำนาจในการจับปรับให้ปฏิบัติอย่างเคร่งครัด รวมถึงเรื่องของการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับมาตรการห้ามดื่มสุราในร้านอาหาร หรือสถานที่อื่นๆ ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน กับห้ามจัดงานเลี้ยงสังสรรค์รื่นเริง ซึ่งหมายรวมถึงห้ามมีการจัดกิจกรรมที่มีคนมารวมตัวกันเกิน 50 คน ด้วย ทั้งนี้ เนื่องมาจากสถานการณ์โควิด-19 ระลอกใหม่ที่กำลังระบาดอยู่ในขณะนี้ ซึ่งจะเห็นได้ว่า มีผู้ที่ติดเชื้อในแต่ละวันเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นพวกเรา "อย่ารอให้เป็นโควิด แล้วเพิ่งคิดจะป้องกัน เพราะมันอาจจะสายเกินไป"
ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร กล่าวด้วยว่า สำหรับการประเมินสถานการณ์โควิด -19 ขณะนี้ ต้องรอดูความชัดเจนในช่วงสัปดาห์ที่จะถึงนี้ว่าจะมีตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นหรือลดลงกว่าเดิมที่ผ่าน เพราะเป็นช่วงที่ครบกำหนดระยะการฟักตัวของเชื้อโรคหลังจากที่ผ่านพ้นสงกรานต์มาแล้ว โดยสิ่งที่ต้องเฝ้าระวังการระบาดในรอบนี้คือ แนวโน้มการระบาดเป็นลักษณะการระบาดแบบยกครัว เพราะด้วยเชื้อโรคชนิดสายพันธุ์อังกฤษ ที่มีการแพร่เชื้อได้อย่างรวดเร็ว ติดง่าย และอาการค่อนข้างรุนแรงกว่าสายพันธุ์ที่ระบาดในจังหวัดสมุทรสาคร อีกทั้งยังเกิดในกลุ่มก้อนคนไทยด้วย จึงน่าเป็นห่วงว่าหากทุกคนไม่เฝ้าระวังตัวเองแล้ว จะเกิดการระบาดจากคนหนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่งโดยเริ่มจากการติดกันเองของคนในครอบครัว แล้วแผ่เป็นวงกว้างจนยากต่อการควบคุมโรค
นายวีระศักดิ์ กล่าวด้วยว่า สำหรับตนเองที่เคยติดเชื้อโควิด-19 จนกลายเป็นผู้ป่วยวิกฤตหนักมาแล้ว แต่โชคดีที่ผ่านพ้นช่วงเวลาดังกล่าวมาได้ และได้กลับมาทำงานที่จังหวัดสมุทรสาครอีกครั้ง ก็ขอเป็นกำลังใจให้ผู้ป่วยโควิด-19 ทุกคน ให้หายจากโรคดังกล่าว กลับมามีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง