นายแพทย์ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat ระบุถึงการควบคุมสถานการณ์โควิด-19 ตอนหนึ่ง ว่า หลายประเทศควบคุมโรคได้ดีมาก ไม่ว่าจะเป็นนิวซีแลนด์ ไต้หวัน ออสเตรเลีย ฮ่องกง จีน สิงคโปร์ และเวียดนาม โดยหลักการสำคัญของประเทศเหล่านั้นที่ทำให้เราได้เรียนรู้คือ มาตรการที่เข้มข้น ชัดเจน ทันเวลา ระบบการตรวจที่มีศักยภาพ การเคร่งครัดมาตรการป้องกันตัว และการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพและกล้าหาญที่จะแสดงความรับผิดชอบ
ประเทศที่ประสบความสำเร็จในการกลับมาฟื้นฟูได้เร็วมักไม่ลังเลที่จะประกาศล็อกดาวน์ในยามที่มีการระบาดเกิดขึ้น มองว่าล็อกดาวน์เป็นเรื่องปกติ เป็นวิธีที่ได้ผลยามวิกฤตที่เป็นโรคระบาดที่แพร่เร็วอย่างโควิด-19
นายแพทย์ธีระ ระบุด้วยว่า ยานั้นมีความขม แต่การใช้ยาอย่างถูกต้องในระยะเวลาอันสั้น ก็จะจัดการการระบาดได้ดี และทำให้สามารถกลับมาฟื้นตัวได้เร็ว ในขณะที่บางประเทศที่เลือกกินขนมหวาน มองโลกสดใส วาดฝันว่าจะหากินกันได้ชิลๆ ทั้งที่มีการระบาดอย่างต่อเนื่อง แต่ในความเป็นจริงจะทำให้เกิดความเสี่ยงสูง และยากที่จะไล่ตามโรคระบาดได้ทัน และนำไปสู่วิกฤตคนติดเชื้อจำนวนมาก เสียชีวิตมากขึ้น บุคลากรทางการแพทย์ในระบบก็ทำงานอย่างหนักจนยากที่จะรับไหว ดังที่เห็นในแถบยุโรปมาแล้ว ดังนั้น ความเชื่อว่าล็อกดาวน์แล้วเสียหายเยอะ เลยไม่ทำ จนสุดท้ายแล้วไม่สามารถควบคุมการระบาดได้ ก็จะมีโอกาสเห็นความเสียหายมหาศาลตามมาและมากกว่าการล็อกดาวน์ระยะสั้น มีทั้งสูญเสียชีวิต ผลิตภาพโดยรวม รวมถึงการกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและความสามารถในการฟื้นตัวของประเทศในระยะยาว
สำหรับสถานการณ์ในประเทศไทยหนักขึ้นเรื่อยๆ ระบาดกระจายไปทั่ว สิ่งที่อยากเรียนเน้นย้ำประชาชนในช่วงถัดจากนี้คือ
หนึ่ง "ขอให้สวมหัวใจสิงห์ ปกป้องตัวเองและสมาชิกในครอบครัวอย่างเต็มที่ ให้อยู่รอดปลอดภัย ไม่ติดเชื้อ"
สอง หัวใจหลักที่ใช้เพื่อให้อยู่รอดคือ "ใส่หน้ากาก ล้างมือ อยู่ห่างคนอื่น ออกจากบ้านเท่าที่จำเป็นจริงๆ เลี่ยงการกินดื่มในร้านหรือโรงอาหาร ไม่นัดพบปะคนอื่นโดยไม่จำเป็น ควรใช้โทรศัพท์หรือออนไลน์แทน"
สาม "การใส่หน้ากาก" ควรใส่ 2 ชั้น ชั้นในเป็นหน้ากากอนามัย และชั้นนอกเป็นหน้ากากผ้า การใส่เช่นนี้จะช่วยให้ฟิตกับใบหน้ามากขึ้น ลดช่องว่างระหว่างหน้ากากกับผิวหน้า จะช่วยป้องกันได้ดีขึ้น
สี่ "เตรียมตัว เตรียมใจ เตรียมอุปกรณ์ป้องกัน เตรียมงาน เตรียมแผนการใช้จ่าย และเตรียมสถานที่พักอาศัย" ให้พร้อมที่จะรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ และ
ห้า ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการระบาดระลอกสามนี้จะมีมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ของคนจำนวนมาก หากพอช่วยเหลือแบ่งปันให้กับคนที่ทุกข์ยากกว่าเรา ในละแวกพื้นที่ที่เราอาศัยอยู่ ไม่ว่าจะเป็นอาหาร น้ำ อุปกรณ์ป้องกันต่างๆ คำปรึกษาช่วยเหลือ รวมถึงงานเล็กๆ น้อยๆ ก็จะช่วยให้ประเทศเราประคับประคองทุกคนให้อยู่รอดปลอดภัยไปด้วยกันได้
ส่วนธุรกิจอุตสาหกรรม และสถานประกอบกิจการเล็ก กลาง ใหญ่ ที่เกี่ยวข้องกับการค้าขาย บริการ รวมถึงท่องเที่ยว เดินทาง และที่พักรูปแบบต่างๆ นั้น อยากจะขอให้คิดวางแผนสำหรับอนาคตว่า จะมีการระบาดต่อเนื่อง ดังนั้นจึงต้องหาทางปรับรูปแบบกิจการของเรา ให้เน้นความปลอดภัยในการทำงานของบุคลากรของเราและลูกค้าอย่างถาวร ทั้งนี้ เราได้เรียนรู้แล้วว่า พอระบาดปะทุขึ้นมา ผลกระทบมันมีมากเกินกว่าจะรับไหว ดังนั้นหากปรับรูปแบบการประกอบกิจการได้โดยเน้นจำนวนคนลดลง จำนวนครั้งที่พบปะกันลดลง เวลาที่มีปฏิสัมพันธ์กันลดลง ก็จะทำให้มีโอกาสประคับประคองกิจการไปได้ในระยะยาว
ประเทศที่ประสบความสำเร็จในการกลับมาฟื้นฟูได้เร็วมักไม่ลังเลที่จะประกาศล็อกดาวน์ในยามที่มีการระบาดเกิดขึ้น มองว่าล็อกดาวน์เป็นเรื่องปกติ เป็นวิธีที่ได้ผลยามวิกฤตที่เป็นโรคระบาดที่แพร่เร็วอย่างโควิด-19
นายแพทย์ธีระ ระบุด้วยว่า ยานั้นมีความขม แต่การใช้ยาอย่างถูกต้องในระยะเวลาอันสั้น ก็จะจัดการการระบาดได้ดี และทำให้สามารถกลับมาฟื้นตัวได้เร็ว ในขณะที่บางประเทศที่เลือกกินขนมหวาน มองโลกสดใส วาดฝันว่าจะหากินกันได้ชิลๆ ทั้งที่มีการระบาดอย่างต่อเนื่อง แต่ในความเป็นจริงจะทำให้เกิดความเสี่ยงสูง และยากที่จะไล่ตามโรคระบาดได้ทัน และนำไปสู่วิกฤตคนติดเชื้อจำนวนมาก เสียชีวิตมากขึ้น บุคลากรทางการแพทย์ในระบบก็ทำงานอย่างหนักจนยากที่จะรับไหว ดังที่เห็นในแถบยุโรปมาแล้ว ดังนั้น ความเชื่อว่าล็อกดาวน์แล้วเสียหายเยอะ เลยไม่ทำ จนสุดท้ายแล้วไม่สามารถควบคุมการระบาดได้ ก็จะมีโอกาสเห็นความเสียหายมหาศาลตามมาและมากกว่าการล็อกดาวน์ระยะสั้น มีทั้งสูญเสียชีวิต ผลิตภาพโดยรวม รวมถึงการกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและความสามารถในการฟื้นตัวของประเทศในระยะยาว
สำหรับสถานการณ์ในประเทศไทยหนักขึ้นเรื่อยๆ ระบาดกระจายไปทั่ว สิ่งที่อยากเรียนเน้นย้ำประชาชนในช่วงถัดจากนี้คือ
หนึ่ง "ขอให้สวมหัวใจสิงห์ ปกป้องตัวเองและสมาชิกในครอบครัวอย่างเต็มที่ ให้อยู่รอดปลอดภัย ไม่ติดเชื้อ"
สอง หัวใจหลักที่ใช้เพื่อให้อยู่รอดคือ "ใส่หน้ากาก ล้างมือ อยู่ห่างคนอื่น ออกจากบ้านเท่าที่จำเป็นจริงๆ เลี่ยงการกินดื่มในร้านหรือโรงอาหาร ไม่นัดพบปะคนอื่นโดยไม่จำเป็น ควรใช้โทรศัพท์หรือออนไลน์แทน"
สาม "การใส่หน้ากาก" ควรใส่ 2 ชั้น ชั้นในเป็นหน้ากากอนามัย และชั้นนอกเป็นหน้ากากผ้า การใส่เช่นนี้จะช่วยให้ฟิตกับใบหน้ามากขึ้น ลดช่องว่างระหว่างหน้ากากกับผิวหน้า จะช่วยป้องกันได้ดีขึ้น
สี่ "เตรียมตัว เตรียมใจ เตรียมอุปกรณ์ป้องกัน เตรียมงาน เตรียมแผนการใช้จ่าย และเตรียมสถานที่พักอาศัย" ให้พร้อมที่จะรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ และ
ห้า ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการระบาดระลอกสามนี้จะมีมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ของคนจำนวนมาก หากพอช่วยเหลือแบ่งปันให้กับคนที่ทุกข์ยากกว่าเรา ในละแวกพื้นที่ที่เราอาศัยอยู่ ไม่ว่าจะเป็นอาหาร น้ำ อุปกรณ์ป้องกันต่างๆ คำปรึกษาช่วยเหลือ รวมถึงงานเล็กๆ น้อยๆ ก็จะช่วยให้ประเทศเราประคับประคองทุกคนให้อยู่รอดปลอดภัยไปด้วยกันได้
ส่วนธุรกิจอุตสาหกรรม และสถานประกอบกิจการเล็ก กลาง ใหญ่ ที่เกี่ยวข้องกับการค้าขาย บริการ รวมถึงท่องเที่ยว เดินทาง และที่พักรูปแบบต่างๆ นั้น อยากจะขอให้คิดวางแผนสำหรับอนาคตว่า จะมีการระบาดต่อเนื่อง ดังนั้นจึงต้องหาทางปรับรูปแบบกิจการของเรา ให้เน้นความปลอดภัยในการทำงานของบุคลากรของเราและลูกค้าอย่างถาวร ทั้งนี้ เราได้เรียนรู้แล้วว่า พอระบาดปะทุขึ้นมา ผลกระทบมันมีมากเกินกว่าจะรับไหว ดังนั้นหากปรับรูปแบบการประกอบกิจการได้โดยเน้นจำนวนคนลดลง จำนวนครั้งที่พบปะกันลดลง เวลาที่มีปฏิสัมพันธ์กันลดลง ก็จะทำให้มีโอกาสประคับประคองกิจการไปได้ในระยะยาว