xs
xsm
sm
md
lg

แพทย์ศิริราชชี้วัคซีนมีประโยชน์มากกว่าความเสี่ยง แนะ ปชช.เคอร์ฟิวตัวเอง ลดการเดินทาง ป้องกันการติดเชื้อ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศ.ดร.นพ. วิปร วิประกษิต คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า การฉีดวัคซีนไม่ว่าจะเป็นชนิดใด จะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายมีการสร้างภูมิต้านทานเพียงพอ วัตถุประสงค์หลักคือป้องกันการติดเชื้อแล้วมีอาการรุนแรง ปัญหาที่คนกังวลขณะนี้คือ ภาวะแทรกซ้อนหลังฉีด ดังนั้นเราต้องพิจารณาเปรียบเทียบประโยชน์และความเสี่ยง โดยความเสี่ยงเกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์หลังการฉีดวัคซีน (AEFI) แบ่งได้ 2 ชนิด คือ

อาการไม่พึงประสงค์ อาจเกิดจากตัววัคซีน หรือส่วนประกอบ หรือปฏิกิริยาร่างกายแต่ละบุคคลที่ต่างกัน เป็นอาการเฉพาะที่ (local) เช่น เจ็บ บวม บริเวณที่ฉีดใช้การประคบเย็น หรือบริหารแขน หรือเป็นทั้งระบบ (systemic) เช่น มีไข้ต่ำๆ อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ แก้ไขโดยทานยาลดไข้ ทายาแก้ปวด พักผ่อน

อาการแพ้วัคซีน จะเหมือนคนแพ้อาหารทะเล ไรฝุ่น โปรตีนในนมวัวมีอาการตั้งแต่แพ้ไม่มาก มีผื่น จนถึงความดันตกรุนแรงได้

สำหรับอาการไม่พึงประสงค์ชนิดหนึ่งที่เป็นข่าวในขณะนี้ เรียกว่า ปฏิกิริยาเครียดสนองตอบต่อการฉีดวัคซีน เกิดจากการตอบสนองต่อความเครียดของแต่ละคนที่แตกต่างกัน เมื่อเกิดความตึงเครียดจะกระตุ้นระบบภายในร่างกาย หลั่งฮอร์โมนออกมากระตุ้นระบบประสาท ทำให้หลอดเลือดหดตัว เกิดอาการหน้ามืด เป็นลม วิงเวียน ใจสั่น หัวใจเต้นเร็ว ไม่ใช่การแกล้งทำ แต่เป็นปฏิกิริยาของแต่ละคนที่ไม่เหมือนกัน ปัจจุบันจึงมีข้อแนะนำเมื่อพบผู้ที่มีอาการทางระบบประสาทหลังการฉีดวัคซีน เช่น ชา อ่อนแรง ตามัว วิงเวียน อาเจียน แพทย์ ต้องตรวจ ประเมินอาการว่า เกิดจาก ISRR หรือเกิดจากปัญหาอื่น ๆ เช่น มีลิ่มเลือดในสมอง หรือมีเลือดออกเนื่องจากเกร็ดเลือดต่ำซึ่ง อาจเกิดได้ แต่พบน้อยมาก และยังไม่มีรายงานในประเทศไทย ซึ่งเรามีการสังเกตอาการ 30 นาทีหลังฉีดวัคซีน รวมทั้งแนะนำให้เตรียมตัวก่อนมารับการฉีด พักผ่อน ดื่มน้ำให้เพียงพอ ไม่เครียด

ทั้งนี้ มีรายงานการศึกษาวิจัยวัคซีนซิโนแวคของประเทศบราซิล ในวารสารต่างประเทศ ออกมาเมื่อต้นเดือนเมษายน 2564 เปรียบเทียบระหว่างฉีดซิโนแวคกับใช้ยาหลอก พบว่าปฏิกิริยาแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นแทบจะไม่ต่างกัน บางคนฉีดยาหลอกก็มีอาการปวดศีรษะ วิงเวียน อ่อนแรง ส่วนอาการเฉพาะที่ผู้ฉีดวัคซีนมีอาการเจ็บเฉพาะที่มากกว่า รวมทั้งการวิจัยนี้ทำการศึกษาในกลุ่มบุคลากรแพทย์ ประมาณ 12,000 คน ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีโอกาสเสี่ยงติดเชื้อมากกว่าคนทั่วไป แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพขั้นต้นหลังการฉีดวัคซีน โดยผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนหลอกมีการติดเชื้อและมีอาการเพิ่มขึ้นชัดเจน ขณะที่คนที่ได้รับวัคซีนจริง มีประสิทธิภาพดี ลดการติดเชื้อแบบมีอาการได้ร้อยละ 50.7 ผ่านเกณฑ์องค์การอนามัยโลก และยังป้องกันการติดเชื้อแบบมีอาการปานกลางต้องให้ออกซิเจน ได้เกือบร้อยละ 84 และลดอาการรุนแรง เข้า ICU และเสียชีวิตได้

นอกจากนี้ จากงานวิจัยของ ศ. นพ. ยง ภู่วรวรรณ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ศึกษาภูมิต้านทางหลังฉีดวัคซีนซิโนแวคครบ 2 เข็มในประเทศไทย เปรียบเทียบกับการติดเชื้อในธรรมชาติ พบว่าระดับภูมิต้านทานหลังฉีดวัคซีนซิโนแวคเพิ่มขึ้นอยู่ในระดับเดียวกับการติดเชื้อในธรรมชาติ จึงเป็นข้อมูลสนับสนุนให้เรามั่นใจได้ว่าวัคซีนที่ฉีดให้คนไทยกระตุ้นภูมิต้านทานได้ดีไม่แตกต่างจากข้อมูลในต่างประเทศ

ศ.ดร.นายแพทย์วิปร กล่าวอีกว่า การรับข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ อาจทำให้บุคลากรการแพทย์บางส่วนมีความวิตกกังวลว่าจะปฏิกิริยาแทรกซ้อนจากการฉีดวัคซีน ซึ่งปฏิกิริยาเหล่านี้เกิดขึ้นได้ มีคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์บอกไม่ได้ว่าจะเกิดขึ้นกับใคร แต่รักษาได้ ทุกรายที่มีอาการก็ฟื้นตัวกลับมาเป็นปกติดี จึงขอแนะนำให้ไปรับการฉีด เพราะโอกาสเสี่ยงที่ติดเชื้อและมีอาการรุนแรงมีมากกว่าที่จะเกิดอาการไม่พึงประสงค์จากการฉีดวัคซีน แต่หากเกิดขึ้นก็รักษาได้ ขอให้มั่นใจและไปรับการฉีดวัคซีน

ขณะนี้มีการระบาดค่อนข้างมาก ประชาชนควรล็อกดาวน์ตัวเอง งดการเดินทางไปต่างจังหวัด หลีกเลี่ยงการเข้าไปในที่ชุมชน สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา เว้นระยะห่าง หมั่นล้างมือ งดทานอาหารในร้าน งดรับประทานอาหารร่วมกันทั้งที่บ้านและที่ทำงาน เข้มพฤติกรรมสุขภาพส่วนบุคคล ไม่ไปเยี่ยมคนป่วย ไม่ไปโรงพยาบาลโดยไม่จำเป็น เคอร์ฟิวตัวเอง กลางคืนไม่ออกจากบ้าน จะช่วยป้องกันตนเองจากการติดเชื้อ นอกเหนือไปจากการรับการฉีดวัคซีน