พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กรุงเทพมหานครได้เตรียมความพร้อมการรองรับผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีจำนวนมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามแผนการรองรับระดับที่ 2 คือ การจัดตั้งโรงพยาบาลโรงแรม (Hospitel) โดยเปลี่ยนโรงแรมให้เป็นพื้นที่เฝ้าระวังอาการ หรือหอผู้ป่วยเฉพาะกิจ สำหรับผู้ที่ไม่มีอาการหรือมีอาการเพียงเล็กน้อย ให้รักษาตัวในโรงแรมที่จัดหาไว้ให้ เพื่อให้โรงพยาบาลหลักมีเตียงเพียงพอรองรับผู้ป่วยที่มีอาการหนักได้อย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการติดต่อกับโรงแรมที่จะเข้ามาเป็นเครือข่ายกับโรงพยาบาลสังกัดกรุงเทพมหานคร
สำหรับผู้ประกอบการโรงแรมในพื้นที่กรุงเทพมหานคร หากมีความประสงค์จะเข้าร่วมเป็นเครือข่ายกับโรงพยาบาลกรุงเทพมหานคร เพื่อปรับโรงแรมเป็น Hospitel สามารถแจ้งความประสงค์ได้ที่ฝ่ายสิ่งแวดล้อม สำนักงานเขตพื้นที่
ทั้งนี้ การจัดตั้ง Hospitel เป็นการพัฒนาหอผู้ป่วยเฉพาะกิจนอกสถานพยาบาล โดยการขยายพื้นที่การดูแลรักษาผู้ป่วยหรือเพิ่มจำนวนเตียงรักษาอย่างรวดเร็วในระยะเวลาที่จำกัด เพื่อให้ผู้ป่วยโรคติดเชื้อที่สามารถดูแลสุขภาพตนเองได้ อาการไม่รุนแรง ไม่จำเป็นต้องอาศัยเวชภัณฑ์ อุปกรณ์ ครุภัณฑ์ทางการแพทย์ที่ชับซ้อน แต่ยังอยู่ในระยะที่สามารถแพร่กระจายเชื้อสู่ผู้อื่นได้ สามารถได้รับการดูแลโดยทีมบุคลากรทางการแพทย์ และป้องกันไม่ให้กลับไปแพร่กระจายเชื้อในชุมชน โดยหอผู้ป่วยเฉพาะกิจ (HospiteI) จะต้องผ่านการตรวจประเมินจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามเกณฑ์ที่กำหนด
สำหรับแนวทางการปรับโรงแรมเป็น Hospitel ต้องดำเนินการตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดว่าจะต้องเป็นโรงแรมที่มีห้องพักมากกว่า 30 ห้องขึ้นไป โดยมีเกณฑ์สำหรับโรงแรมที่จะเปลี่ยนเป็นหอผู้ป่วยเฉพาะกิจครอบคลุม 5 ด้าน ได้แก่
หมวด 1 โครงสร้างอาคาร และวิศวกรรมปลอดภัย พร้อมเครื่องปรับอากาศแยกส่วน
หมวด 2 บุคลากรทางการแพทย์ และเจ้าหน้าที่สนับสนุนที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีเกี่ยวกับมาตรการด้านสุขภาพ
หมวด 3 ติดตั้งวัสดุ อุปกรณ์สำนักงาน และอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็น
หมวด 4 ความพร้อมด้านเวชภัณฑ์และอุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล
หมวด 5 มีสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรต่อชุมชนและระบบการจัดการของเสีย