นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผยว่า ตามที่ พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ ฉบับที่ 7 พ.ศ.2562 มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2562 และเปิดช่องให้กัญชาและพืชกระท่อม นำไปใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ และยังได้ปลดล็อกให้นำส่วนต่างๆ ของกัญชา และกัญชง ยกเว้นช่อดอก และเมล็ด ไปใช้ประโยชน์อื่นๆ ได้ ว่า มีผู้ประกอบการยื่นคำขอจดทะเบียนสิทธิบัตรและอนุสิทธิบัตรที่เกี่ยวข้องกับกัญชาและกัญชงมากถึง 31 คำขอ แบ่งเป็นผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มที่มีกัญชาเป็นส่วนประกอบ 6 คำขอ ผลิตภัณฑ์ยาสมุนไพรที่มีกัญชาเป็นส่วนประกอบ 4 คำขอ เวชภัณฑ์ที่มีสารสกัดเป็นสารออกฤทธิ์ 3 คำขอ เครื่องจักรและกรรมวิธีการสกัดจากกัญชา 11 คำขอ อุปกรณ์หรือชุดทดสอบสารสกัดจากกัญชา 3 คำขอ ผลิตภัณฑ์ปล่อยสารระเหยจากกัญขา 2 คำขอ และผลิตภัณฑ์ของใช้ในบ้านที่มีกัญชงเป็นองค์ประกอบ 2 คำขอ
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่รัฐบาลปลดล็อกกัญชาและกัญชงออกจากยาเสพติด มีคนมายื่นคำขอจดทะเบียนสิทธิบัตร และอนุสิทธิบัตร สิ่งประดิษฐ์ และสินค้าต่างๆ ที่มีส่วนผสมของกัญชาและกัญชงเป็นจำนวนมาก และล่าสุด กรมฯ ได้รับจดทะเบียน และออกอนุสิทธิบัตรไปแล้ว 2 คำขอ คือ กระถางผ้าเพาะปลูก และชุดเครื่องจักรสกัดน้ำมันกัญชาเพื่อใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ ขณะที่คำขออื่นๆ อยู่ระหว่างการตรวจสอบคำขอ ตาม พ.ร.บ.สิทธิบัตร พ.ศ.2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยสิทธิบัตร จะมีระยะเวลาในการตรวจสอบประมาณ 1 ปีกว่า แต่อนุสิทธิบัตร ใช้เวลาตรวจสอบน้อยกว่า ซึ่งกรมทรัพย์สินทางปัญญาน่าจะรับจด และออกอนุสิทธิบัตรให้ได้เร็วเพื่อให้มีผลคุ้มครองกันได้ต่อไป