นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังรับนโยบายจากรัฐบาลให้มาดำเนินการปฏิรูปโครงสร้างภาษี โดยกรมจัดเก็บรายได้ ทั้งกรมสรรพากร กรมศุลกากร และกรมสรรพสามิตรับการบ้านมา ซึ่งในส่วนของกรมสรรพสามิตนั้นจะทำในทุกมิติ ไม่ใช่เฉพาะการศึกษาแต่ภาษีประเภทใหม่ ๆ แต่จะเข้าไปดูว่าส่วนไหนบ้างที่สามารถทำได้ เพื่อให้ทันสมัยและตอบโจทย์ในสิ่งที่เป็นภารกิจของกรมมากที่สุด
ทั้งนี้ จะต้องปฏิรูปการจัดเก็บ โดยดูว่าสิ่งที่ทำอยู่แล้วจะจัดเก็บให้ดีกว่าเดิมได้อย่างไร และสิ่งที่จะเก็บใหม่มีหรือไม่ เพื่อให้เอื้อต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และตอบโจทย์ในเรื่องสุขภาพ สิ่งแวดล้อม เป็นต้น ซึ่งจะเห็นความชัดเจนภายในปีนี้ โดยจะดูภาพที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม ว่าถ้าเราจะปฏิรูปภาษีสรรพสามิตควรทำตัวไหนขึ้นมา เช่น ภาษีบาป ยังมีช่องให้ศึกษาทำได้ แต่ของเดิมก็ดี ไม่ใช่ว่าไม่ดี แต่สิ่งที่เคยดีในช่วงเวลาหนึ่ง ปัจจุบันจะทำให้ดีกว่านั้นได้
ขณะที่ภาษีความหวานนั้น กรมได้เสนอเรื่องไปให้กระทรวงการคลังพิจารณาขยายเวลาเลื่อนปรับขึ้นอัตราภาษีตามขั้นบันไดที่กรมได้กำหนดไว้ เนื่องจากผู้ประกอบการได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ส่วนจะเลื่อนไปไกลมากน้อยอย่างไรนั้น ฝ่ายนโยบายจะพิจารณาอีกที ซึ่งที่ผ่านมากรมสรรพสามิตมีรายได้จากการเก็บภาษีความหวานระยะที่ 2 เฉลี่ยปีละ 2,000 ล้านบาท
ส่วนภาษีความเค็มนั้น พิจารณาใกล้เสร็จแล้ว แต่สถานการณ์ขณะนี้ การที่จะใช้ภาษีประเภทใหม่ หรือการขึ้นอัตราภาษีช่วงนี้ยังไม่ใช่ระยะเวลาที่เหมาะสม โดยสิ่งที่กรมพยายามทำคือ การขอให้มาตรการทางภาษีเอื้อต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นสิ่งที่กระทรวงการคลังให้ความสำคัญ ด้านภาษีเบียร์ 0% นั้น กรมได้จัดเก็บภาษีในพิกัดอัตราภาษีของเครื่องดื่มอยู่แล้ว
ทั้งนี้ จะต้องปฏิรูปการจัดเก็บ โดยดูว่าสิ่งที่ทำอยู่แล้วจะจัดเก็บให้ดีกว่าเดิมได้อย่างไร และสิ่งที่จะเก็บใหม่มีหรือไม่ เพื่อให้เอื้อต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และตอบโจทย์ในเรื่องสุขภาพ สิ่งแวดล้อม เป็นต้น ซึ่งจะเห็นความชัดเจนภายในปีนี้ โดยจะดูภาพที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม ว่าถ้าเราจะปฏิรูปภาษีสรรพสามิตควรทำตัวไหนขึ้นมา เช่น ภาษีบาป ยังมีช่องให้ศึกษาทำได้ แต่ของเดิมก็ดี ไม่ใช่ว่าไม่ดี แต่สิ่งที่เคยดีในช่วงเวลาหนึ่ง ปัจจุบันจะทำให้ดีกว่านั้นได้
ขณะที่ภาษีความหวานนั้น กรมได้เสนอเรื่องไปให้กระทรวงการคลังพิจารณาขยายเวลาเลื่อนปรับขึ้นอัตราภาษีตามขั้นบันไดที่กรมได้กำหนดไว้ เนื่องจากผู้ประกอบการได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ส่วนจะเลื่อนไปไกลมากน้อยอย่างไรนั้น ฝ่ายนโยบายจะพิจารณาอีกที ซึ่งที่ผ่านมากรมสรรพสามิตมีรายได้จากการเก็บภาษีความหวานระยะที่ 2 เฉลี่ยปีละ 2,000 ล้านบาท
ส่วนภาษีความเค็มนั้น พิจารณาใกล้เสร็จแล้ว แต่สถานการณ์ขณะนี้ การที่จะใช้ภาษีประเภทใหม่ หรือการขึ้นอัตราภาษีช่วงนี้ยังไม่ใช่ระยะเวลาที่เหมาะสม โดยสิ่งที่กรมพยายามทำคือ การขอให้มาตรการทางภาษีเอื้อต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นสิ่งที่กระทรวงการคลังให้ความสำคัญ ด้านภาษีเบียร์ 0% นั้น กรมได้จัดเก็บภาษีในพิกัดอัตราภาษีของเครื่องดื่มอยู่แล้ว