นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า จากสถานการณ์บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม ที่ผ่านมา จนถึงวันนี้ ยังคงทําให้เกิดพายุฝนฟ้าคะนองลมกระโชกแรงและมีลูกเห็บตกในพื้นที่ 32 จังหวัด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบด้วย จ.แม่ฮ่องสอน เชียงราย เชียงใหม่ ลําปาง พะเยา น่าน ตาก อุตรดิตถ์ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ พิจิตร บึงกาฬ หนองคาย หนองบัวลําภู อุดรธานี เลย ชัยภูมิ สกลนคร ขอนแก่น กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด มหาสารคาม ยโสธร มุกดาหาร นครราชสีมาอุบลราชธานี สุรินทร์ ศรีสะเกษ นครพนม จันทบุรี สมุทรสาคร และ จ.ราชบุรี มีพื้นที่ได้รับผลกระทบจำนวน 140 อำเภอ 275 ตำบล 642 หมู่บ้าน 2 เขตเทศบาล บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายจำนวน 2,610 หลัง นอกจากนี้ มีรายงานผู้เสียชีวิต 4 ราย ได้แก่ จ.นครราชสีมา ชาย 1 ราย สาเหตุต้นไม้ล้มทับขณะขี่รถจักรยานยนต์ จ.หนองคาย 2 ราย ชาย 1 ราย หญิง 1 ราย สาเหตุเรือล่ม และ จ.ลําปาง ชาย 1 ราย สาเหตุแผ่นโครงเหล็กผนังอาคารล้มทับบริเวณปั๊มน้ำมัน โดยสถานการณ์ปัจจุบันได้คลี่คลายแล้วในทุกจังหวัดนั้น
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า แม้สถานการณ์ในพื้นที่ต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบจากพายุฤดูร้อน รวมทั้งผลกระทบจากการเกิดลมกระโชกแรง จะได้คลี่คลายไปแล้ว แต่เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องยังคงต้องทำงานอย่างต่อเนื่องเพื่อเร่งเบิกจ่ายเงินเยียวยาตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2562 และหลักเกณฑ์การใช้จ่ายเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2563 ซึ่งเป็นอีกขั้นตอนหนึ่งที่สำคัญนอกจากการเร่งเข้าไปช่วยเหลือขณะเกิดภัยแล้ว การฟื้นฟูสภาพบ้านเรือนพี่น้องประชาชนและสถานการณ์โดยรวมในพื้นที่ให้กลับสู่สภาวะปกตินั้น ก็เป็นสิ่งจำเป็นเช่นเดียวกัน ซึ่งในส่วนนี้ได้เน้นย้ำให้ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ รวมถึงป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ให้เร่งสรุปข้อมูลและจัดประชุมในการอนุมัติงบประมาณตามระเบียบฯ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดมีอำนาจเบิกจ่ายให้การช่วยเหลือให้ได้โดยเร็วที่สุด
นอกจากนี้ การติดตามสถานการณ์พายุฤดูร้อนก็ยังต้องมีการแจ้งเตือนพี่น้องประชาชนอยู่อย่างต่อเนื่อง เพราะสภาพอากาศที่ร้อนจัดสลับลมแรงยังคงเกิดขึ้นทุกพื้นที่ไปจนถึงเดือนพฤษภาคม ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการเกิดสถานการณ์พายุ ลมกระโชกแรงขึ้นอีก
ทั้งนี้ รัฐบาลโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และคณะรัฐมนตรีทุกคน ไม่อยากให้เกิดการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ดังนั้นการเตรียมการต่างๆ เพื่อป้องกันสถานการณ์ภัยจำเป็นต้องดีและพร้อมที่สุด