นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่โครงการ "คนละครึ่ง" จะหมดเขตในวันที่ 31 มีนาคมนี้ จึงขออยากเชิญชวนผู้มีสิทธิ์ เร่งใช้จ่ายตามวงเงินที่ได้รับสิทธิ์ โดยขณะนี้มีผู้ใช้สิทธิ์ครบ 3,500 บาท แล้ว 6,380,000 คน จากจำนวนผู้ได้รับสิทธิ์ 14,790,000 คน ค่าใช้จ่าย ณ วันที่ 20 มีนาคม คือ 100,042 ล้านบาท เป็นการใช้จ่ายจากภาคประชาชน 51,214 ล้านบาท รัฐช่วยจ่าย 48,828 ล้านบาท
สำหรับโครงการฯ ในเฟส 3 ทางกระทรวงการคลังกำลังอยู่ในระหว่างการออกแบบโครงการ ซึ่งจะออกมาหลังจากที่โครงการ "เราชนะ" และ "ม33 เรารักกัน" สิ้นสุดในช่วงเดือนพฤษภาคม 2564
ในส่วนของจำนวนผู้ได้รับสิทธิ์โครงการ "เราชนะ" จำนวน 32,400,000 คน คิดเป็นมูลค่าการใช้จ่ายหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจกว่า 153,000 ล้านบาท ขณะที่โครงการ "ม33 เรารักกัน" มีผู้ได้รับสิทธิ์แล้ว 7,400,000 คน เริ่มโอนเงินงวดแรก 1,000 บาท แก่ผู้ได้รับสิทธิ์ เมื่อวันที่ 22 มีนาคม ที่ผ่านมา มียอดการใช้จ่ายประมาณ 750 ล้านบาท และจะเปิดให้ยื่นทบทวนสิทธิ์ถึงวันที่ 28 มีนาคมนี้ ทาง www.ม33เรารักกัน.com โดยประกาศผลวันที่ 5-11 เมษายน ทางเว็บไซต์เช่นเดียวกัน
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทั้ง 3 โครงการของรัฐบาล สามารถแบ่งเบาภาระประชาชนจากผลกระทบโควิด-19 ได้มาก รวมถึงเพิ่มเงินหมุนเวียนในระบบไม่ต่ำกว่า 250,000 ล้านบาท ตัวเลข ณ วันที่ 25 มีนาคม ซึ่งเป็นการใช้จ่ายผ่านผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการฯ ทั้งสิ้นมากกว่า 1,500,000 กิจการ รวมถึงผู้ประกอบการรายย่อยจำนวนมากก็ได้รับประโยชน์จากโครงการนี้อย่างมากด้วย
สำหรับโครงการฯ ในเฟส 3 ทางกระทรวงการคลังกำลังอยู่ในระหว่างการออกแบบโครงการ ซึ่งจะออกมาหลังจากที่โครงการ "เราชนะ" และ "ม33 เรารักกัน" สิ้นสุดในช่วงเดือนพฤษภาคม 2564
ในส่วนของจำนวนผู้ได้รับสิทธิ์โครงการ "เราชนะ" จำนวน 32,400,000 คน คิดเป็นมูลค่าการใช้จ่ายหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจกว่า 153,000 ล้านบาท ขณะที่โครงการ "ม33 เรารักกัน" มีผู้ได้รับสิทธิ์แล้ว 7,400,000 คน เริ่มโอนเงินงวดแรก 1,000 บาท แก่ผู้ได้รับสิทธิ์ เมื่อวันที่ 22 มีนาคม ที่ผ่านมา มียอดการใช้จ่ายประมาณ 750 ล้านบาท และจะเปิดให้ยื่นทบทวนสิทธิ์ถึงวันที่ 28 มีนาคมนี้ ทาง www.ม33เรารักกัน.com โดยประกาศผลวันที่ 5-11 เมษายน ทางเว็บไซต์เช่นเดียวกัน
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทั้ง 3 โครงการของรัฐบาล สามารถแบ่งเบาภาระประชาชนจากผลกระทบโควิด-19 ได้มาก รวมถึงเพิ่มเงินหมุนเวียนในระบบไม่ต่ำกว่า 250,000 ล้านบาท ตัวเลข ณ วันที่ 25 มีนาคม ซึ่งเป็นการใช้จ่ายผ่านผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการฯ ทั้งสิ้นมากกว่า 1,500,000 กิจการ รวมถึงผู้ประกอบการรายย่อยจำนวนมากก็ได้รับประโยชน์จากโครงการนี้อย่างมากด้วย