นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรมเดินหน้าผลักดันนโยบายรัฐบาลในการพัฒนาอุตสาหกรรมสมุนไพรไทย โดยเฉพาะกัญชง ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ ที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ทุกส่วน ทั้งเปลือก ลำต้น เส้นใย กิ่งก้าน และราก โดยให้ถือเป็นวาระแห่งชาติในการฟื้นฟูเศรษฐกิจและช่วยเหลือเกษตรกร ตลอดจนพัฒนานวัตกรรมทางการเกษตร ตามหลัก BCG Model เนื่องจากประเทศไทยมีศักยภาพทางด้านการเกษตรที่สามารถต่อยอดให้เป็นพืชเศรษฐกิจได้ ประกอบกับตลาดสินค้ากัญชงถือเป็นตลาดขนาดใหญ่ และมีแนวโน้มในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ได้สั่งการให้สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เร่งประกาศมาตรฐานสารสกัดจากกัญชง หลังจากที่บอร์ด สมอ. มีมติเห็นชอบมาตรฐานดังกล่าวเมื่อวันที่ 16 มีนาคม ที่ผ่านมา เพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ เช่น น้ำมันเมล็ดกัญชง สารสกัดกัญชง เปลือกกัญชง และแกนกัญชง ในการนำไปแปรรูปเป็นสินค้าประเภทยา อาหาร เครื่องสำอาง และสินค้าสมุนไพร เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการผลิตสารสกัดจากกัญชงให้มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน และสามารถแข่งขันได้ในเชิงพาณิชย์ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ทางด้านนายวันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) กล่าวว่า สมอ. ได้จัดทำมาตรฐานในชุดของกัญชงซึ่งมีด้วยกันทั้งหมด 6 มาตรฐาน เป็นมาตรฐานวัตถุดิบที่จะนำไปใช้ในอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เช่น ยา เครื่องสำอาง อาหาร เครื่องดื่ม อาหารสัตว์ สิ่งทอ กระดาษ ยานยนต์ และวัสดุก่อสร้าง ซึ่งขณะนี้บอร์ด สมอ. ได้เห็นชอบแล้ว 5 มาตรฐาน ได้แก่ 1.น้ำมันเมล็ดกัญชง (มอก.3171-2564) 2. สารสกัดจากกัญชงที่มีปริมาณ CBD รวม ไม่น้อยกว่า 30% โดยมวล (มอก.3172-2564)
3. สารสกัดจากกัญชงที่มีปริมาณ CBD รวม ไม่น้อยกว่า 80 % โดยมวล (มอก.3173-2564) 4. เปลือกกัญชง (มอก.3184-2564) 5.แกนกัญชง (มอก.3185-2564) ส่วนอีกมาตรฐานหนึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการ คือ เส้นใยกัญชง คาดว่าจะประกาศใช้ในเร็วๆ นี้
นายวันชัย เปิดเผยเพิ่มเติมว่า บอร์ด สมอ. ได้เห็นชอบมาตรฐานรวมทั้งสิ้น 64 มาตรฐาน ทั้งที่เป็นสินค้าแปรรูปจากสมุนไพร สินค้าทั่วไป และสินค้าที่ สมอ. เตรียมประกาศควบคุมอีก 9 รายการด้วย เช่น ขวดน้ำดื่มพลาสติก เก้าอี้นวดไฟฟ้า เครื่องฟอกอากาศ กล่องพลาสติกบรรจุอาหารสำหรับการอุ่น และการอุ่นครั้งเดียวในไมโครเวฟ กระทะโลหะและหม้อที่ใช้ความร้อนจากเตาโดยตรง ออกซิเจนทางการแพทย์ และไนทรัสออกไซด์ทางการแพทย์ เพื่อความปลอดภัยของประชาชน