xs
xsm
sm
md
lg

“ในหลวง-พระราชินี”พระราชทานรถเอกซเรย์ระบบดิจิทัล ทันสมัยที่สุดในประเทศให้ สธ.รับมือโควิด-19

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



วันนี้ 19 มีนาคม 2564 เวลา 08.00 น. ที่พระลานพระราชวังดุสิต สำนักพระราชวัง ได้ตรวจรับรถเอกซเรย์ระบบดิจิทัล คันแรกในประเทศไทยที่มีระบบ AI หรือปัญญาประดิษฐ์ทันสมัยที่สุด ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้จัดสร้างขึ้น เพื่อพระราชทานแก่กระทรวงสาธารณสุข สำหรับนำไปสนับสนุนการปฎิบัติงานของบุคลากรทางการแพทย์ อันเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพทางการแพทย์ในการป้องกันดูแลสุขภาพอนามัยประชาชนอย่างครบวงจร อีกทั้งยังรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือโควิด19

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี ทรงห่วงใยบุคลากรทางการแพทย์ และพสกนิกรที่ได้รับผลกระทบและตกอยู่ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด นับตั้งแต่ปี พุทธศักราช 2653 เป็นต้นมา ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ในการจัดซื้อเครื่องมือ และอุปกรณ์ทางการแพทย์หลายรายการ เพื่อรองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อีกทั้งยังเป็นการป้องกันดูแลสุขอนามัยของพสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่าอย่างครอบคลุม อาทิ ชุดPPE เสื้อคลุมกันน้ำชนิดใช้ครั้งเดียว และชุด PPE แบบเสื้อคลุมกันน้ำชนิดใช้ซ้ำได้ จำนวน 3 รุ่น รวม 700,000 ตัวยานพาหนะหลายรุ่น สำหรับปฏิบัติงานเชิงรุกในภาคสนามในการตรวจเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 แก่ประชาชนในพื้นที่เป้าหมาย ได้แก่รถชีวนิรภัย จำนวน 20 คัน รถวิเคราะห์ผลด่วน จำนวน 5 คัน

สำหรับรถเอกซเรย์ระบบดิจิทัล จำนวน 2 คันที่ได้ทำการตรวจรับ และพระราชทานให้แก่กระทรวงสาธารณสุข ในวันนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชปณิธานอันตั้งมั่นที่จะทรงสืบสาน รักษา ต่อยอด พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่จะต้องดูแลประชาชนให้มีสุขภาพพลานามัยสมบูรณ์ อันจะนำมาซึ่งคุณภาพชีวิตที่ดี จึงทรงรับเป็นพระราชภารกิจสำคัญในการดูแลทุกข์สุขของอาณาราษฎรในพระองค์ทุกหมู่เหล่า

โดยรถเอกซเรย์ระบบดิจิทัล พระราชทาน เป็นรถเอกซ์เรย์ระบบดิจิทัลเครื่องแรกในประเทศไทย ที่มีระบบ AI Technology (ปัญญาประดิษฐ์) ได้ถูกออกแบบให้มีความปลอดภัยตามมาตรฐานระดับสากล ซื่งเป็นเครื่องเอกซ์เรย์ระบบดิจิทัล FDR Smart X on Van ที่ใช้เทคโนโลยีการประมวลผลแบบ AI Technology หรือ ปัญญาประดิษฐ์ สามารถส่งข้อมูลการวินิจฉัยของผู้ป่วย ไปยัง Platform ต่างๆ ได้ พร้อมรองรับผ่านสัญญานระบบ 5G มาช่วยแพทย์ทำการวิเคราะห์ ประเมินคัดกรองผู้ป่วย เพื่อต้องการตรวจหาร่องรอยของโรค

โดยเฉพาะโรคโควิด-19 อันเป็นโรคระบาดที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ที่ส่งผลต่อปอด ซึ่งเครื่องจะทำการตรวจจับแสดงตำแหน่งที่พบความผิดปกติด้วยจุด Detection แสดงผลผ่านหน้าจอทันที แพทย์สามารถมองเห็นภาพเอกซเรย์ของปอดของผู้ป่วยผ่านจอมอนิเตอร์ หาร่องรอยโรค หรือความผิดปกติของโรคได้อย่างแม่นยำ และรวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งถือว่าช่วยแบ่งเบาการทำงาน และลดความเสี่ยงของแพทย์ได้เป็นอย่างดี

นอกจากนี้ ในรถเอกซเรย์ระบบดิจิทัล ยังมีเครื่องเอกซเรย์ X Air เป็นเครื่องเอกซ์เรย์แบบพกพา สามารถนำเครื่องเอกซ์เรย์ไปตรวจในภาคสนามได้ อันจะช่วยเสริมประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานในพื้นที่ภาคสนาม หรือโรงพยาบาลภาคสนาม เพื่อตรวจการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศไทย เพื่อให้ประชาชนมีสุขอนามัยที่ดี

แพทย์หญิง รุจิรา เข็มเพ็ชร รองผู้อำนวยกาบริหารการสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข กล่าวด้วยความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ ว่า นับตั้งแต่เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด19 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงมีความห่วงใยเจ้าหน้าที่บุคคลากรทางการแพทย์ที่ปฏิบัติหน้าที่มาโดยตลอด ดังจะเห็นได้จากการที่พระองค์ได้พระราชทานอุปกรณ์ทางการแพทย์ ที่ป้องกันการติดเชื้อจากการตรวจรักษาผู้ป่วยติดเชื้อโควิด19 นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ต่อบุคลากรทางการแพทย์ทุกคน

“ในวันนี้ที่กระทรงสาธารณสุขได้รับพระราชทานรถเอกซเรย์ระบบดิจิทัล เราจะนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดตามพระราชปณิธาน ซึ่งตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเราจะนำรถไปจอดไว้ที่โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า และศูนย์ควบคุมโรคที่ 4 จังหวัดสระบุรี เพื่อให้บริการคัดกรองค้นหาผู้ป่วยวัณโรคปอด และผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโรคโควิด-19 ในพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อที่จะได้ทำการรักษาอย่างทันท่วงที”แพทย์หญิง รุจิรา เข็มเพ็ชร กล่าว

จึงนับ เป็นพระมหากรุณาที่คุณอย่างหาที่สุดมิได้ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี มีน้ำพระราชหฤทัยและทรงพระเมตตาต่อปวงชนชาวไทย และทรงเป็นพระมิ่งขวัญให้แก่ปวงพสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่า ที่จะฝ่าฟันปัญหาอุปสรรคและวิกฤตินี้ไปด้วยกัน