นายจีรพงษ์ ประเสริฐพลกรัง อุปนายกฝ่ายสิทธิเสรีภาพและการปฏิรูปสื่อ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และนายสุปัน รักเชื้อ อุปนายกฝ่ายสิทธิเสรีภาพ สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ร่วมกันเปิดเผยถึงกรณีที่เกิดเหตุการณ์กับสื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาล ทั้งจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทำวงกลาโหม ฉีดพ่นสเปรย์แอลกอฮอล์ใส่สื่อมวลชนที่นั่งแถวหน้าภายหลังการแถลงข่าว และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ย้อนถามสื่อมวลชนถึงระดับการศึกษาและพาดพิงถึงสถาบันการศึกษา ทั้ง 2 กรณีได้รับการขอโทษในเวลาต่อมา ว่า ฝ่ายสิทธิเสรีภาพทั้ง 2 สมาคมนักข่าวฯ เฝ้าติดตามสถานการณ์การคุกคามสื่อมวลชน ได้รับฟังข้อคิดเห็นและเสียงสะท้อนอย่างรอบด้าน เห็นว่าทั้ง 2 กรณี สื่อมวลชนปฏิบัติหน้าที่ในการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ ตั้งคำถามแทนประชาชนตามหลักวิชาชีพ ตามสิทธิเสรีภาพที่รัฐธรรมนูญ
ซึ่งผู้ถูกตั้งคำถามมีสิทธิปฏิเสธที่จะตอบคำถามนั้นๆ ได้ แต่สื่อมวลชนกลับถูกกระทำ และใช้วาจาที่ไม่เหมาะสม เป็นการเพิ่มประเด็นความขัดแย้งในสังคม อาจมองได้ถึงการไม่เคารพและให้เกียรติซึ่งกันและกันในการทำหน้าที่สื่อมวลชน ดังนั้นผู้นำรัฐบาลซึ่งเป็นผู้มีอำนาจกำหนดนโยบายรัฐที่มีผลกระทบต่อประชาชน ควรเป็นแบบอย่างให้กับสังคม ต้องพร้อมที่จะถูกตรวจสอบ และความระมัดระวังในการแสดงพฤติกรรม การใช้วาจาการให้เกียรติและเคารพศักดิ์ศรีในการทำหน้าที่ชึ่งกันและกัน
ซึ่งผู้ถูกตั้งคำถามมีสิทธิปฏิเสธที่จะตอบคำถามนั้นๆ ได้ แต่สื่อมวลชนกลับถูกกระทำ และใช้วาจาที่ไม่เหมาะสม เป็นการเพิ่มประเด็นความขัดแย้งในสังคม อาจมองได้ถึงการไม่เคารพและให้เกียรติซึ่งกันและกันในการทำหน้าที่สื่อมวลชน ดังนั้นผู้นำรัฐบาลซึ่งเป็นผู้มีอำนาจกำหนดนโยบายรัฐที่มีผลกระทบต่อประชาชน ควรเป็นแบบอย่างให้กับสังคม ต้องพร้อมที่จะถูกตรวจสอบ และความระมัดระวังในการแสดงพฤติกรรม การใช้วาจาการให้เกียรติและเคารพศักดิ์ศรีในการทำหน้าที่ชึ่งกันและกัน