xs
xsm
sm
md
lg

“ศรีสุวรรณ”จ่อร้อง กกต.สอบ พปชร.-ภท.เสนอชื่อ รมต.ใหม่เป็นไปตามข้อบังคับพรรคหรือไม่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ตามที่ศาลอาญาชั้นต้นพิพากษาเมื่อ 24 ก.พ.64 ที่ผ่านมาโดยสั่งจำคุกแกนนำ กปปส.ในคดีชุมนุมทางการเมืองเมื่อปี 2556-2557 เป็นเหตุให้ 3 รัฐมนตรีในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จากพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) และพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ถูกพิพากษาจำคุกด้วย และต้องหลุดจากตำแหน่งทันที เพราะขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญ ม.160(7) นั้น

ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้ให้สัมภาษณ์ เมื่อวันที่ 9 มี.ค.ว่าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)ได้ส่งรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีของพรรคมาให้แล้ว ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ได้มีการจัดประชุมพรรคและมีการลงมติคัดเลือก สส.ของพรรคให้มาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีอย่างเปิดเผย และส่งรายชื่อให้นายกฯแล้วเมื่อวันที่ 15 มี.ค.ที่ผานมา โดยมีพรรคภูมิใจไทยได้ขอปรับเปลี่ยนตำแหน่งรัฐมนตรีของพรรคแลกกับพรรคประชาธิปัตย์ด้วยระหว่าง รมช.พาณิชย์กับ รมช.คมนาคมด้วยแล้ว

แต่มีข้อสงสัยว่าการที่พรรคพลังประชารัฐ และพรรคภูมิใจไทย ได้เสนอให้นายกรัฐมนตรีทูลเกล้าเพื่อแต่งตั้ง สส.ของพรรคขึ้นเป็นรัฐมนตรีนั้น ได้ปฏิบัติตามข้อบังคับพรรคการเมืองที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาครบถ้วนแล้วหรือไม่ เนื่องจากตาม พรป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 บัญญัติไว้ชัดเจนใน ม.15(13) ว่าพรรคการเมืองต้องกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกบุคคลดํารงตําแหน่งทางการเมืองซึ่งต้องกําหนดให้สมาชิก มีส่วนร่วมในการคัดเลือกด้วยอย่างกว้างขวาง ซึ่งตามข้อบังคับพรรคพลังประชารัฐ ได้กำหนดไว้ใน ข้อ 92 ว่ากรณีที่จะแต่งตั้งบุคคลเป็นผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองให้พรรคการเมืองประกาศให้สมาชิกทราบเป็นการทั่วไปเพื่อเชิญชวนเสนอชื่อบุคคลที่เห็นสมควรจะเสนอให้ได้รับการพิจารณาฯ

ส่วนพรรคภูมิใจไทยได้กำหนดไว้ในข้อ 98 ว่าในกรณีที่จะมีการแต่งตั้งบุคคลเป็นผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง ให้พรรคประกาศเชิญชวน ผ่านทางเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือสื่ออิเล็กทรอนิกส์ให้สมาชิกพรรคเสนอชื่อบุคคลที่เห็นสมควรจะเสนอให้ได้รับการพิจารณาฯ

แต่จากการติดตามตรวจสอบเบื้องต้นไม่พบว่า ทั้งสองพรรคได้ดำเนินการประกาศให้สมาชิกพรรคทราบและเชิญชวนให้เสนอชื่อบุคคลที่เห็นสมควรเป็นรัฐมนตรีของพรรคแต่อย่างใด ซึ่งการกระทำของทั้งสองพรรคดังกล่าวอาจขัดหรือแย้งต่อข้อบังคับพรรคของตนเอง และขัดต่อ พ.ร.ป.พรรคการเมือง ซึ่งอาจถือได้ว่าเป็นการกระทําการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุขได้ ซึ่งอาจมีผลให้พรรคการเมืองถูกยุบพรรคได้ตาม ม.92(2) ของ พ.ร.ป.พรรคการเมือง 2560

ด้วยเหตุดังกล่าวสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงนะนำความไปร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งให้ตรวจสอบการดำเนินการของพรรคการเมืองทั้งสองดังกล่าวตาม ม.224(5) ประกอบ พรป.พรรคการเมือง 2560 ม.23 และหากพบว่าเป็นการฝ่าฝืนจักได้เสนอศาลรัฐธรรมนูญเพื่อยุบพรรคทั้งสองต่อไป โดยจะเดินทางไปยื่นคำร้องในวันพุธที่ 17 มี.ค.64 เวลา 10.00 น. ณ สำนักงาน กกต. ศูนย์ราชการฯ อาคาร B