นายปิติ ตันฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย เปิดเผยว่า ธนาคารได้จัดทำโครงการเกษียณก่อนกำหนด เพื่อให้พนักงานที่มีความต้องการ ได้มีเงินก้อน เงินชดเชยตามกฎหมายกำหนดสูงสุด 13 เดือน และธนาคารเพิ่มชดเชยพิเศษอีก 4 เดือน ทำให้พนักงานที่ต้องการเข้าร่วมโครงการจะได้รับเงินชดเชยรวมสูงสุดถึง 17 เดือน ตามอายุงาน โดยเป็นไปตามกระบวนการควบรวมกิจการระหว่างธนาคารทหารไทย และธนาคารธนชาต ซึ่งขณะนี้ใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว และมั่นใจทุกอย่างจะเสร็จสิ้นในเดือนกรกฎาคมนี้ (2564)
ทั้งนี้ โครงการเกษียณก่อนกำหนด เป็นแนวทางการบริหารจัดการพนักงานที่ปัจจุบันมีกว่า 10,000 ราย มีสาขากว่า 700 แห่ง ซึ่งกระบวนการควบรวมเป็นธนาคารเพียงแห่งเดียว จะต้องมีการโอนย้ายพนักงาน ทำให้พนักงานบางรายไม่ประสงค์จะทำงานต่อ ธนาคารฯ จึงมีโครงการเพื่อจ่ายเงินชดเชยให้ โดยต้องแจ้งความประสงค์เข้าโครงการภายในเดือนกรกฎาคมนี้ เพื่อจัดสรรพนักงานประจำสาขาแต่ละแห่ง เมื่อกระบวนการควบรวบเสร็จสิ้นในเดือนกรกฎาคม
ขณะที่ความคืบหน้าการควบรวมอยู่ระหว่างโอนย้ายระบบธุรกิจยานยนต์ของธนาคารธนชาต เข้ามาธนาคารทหารไทย หลังจากที่ผ่านมาได้โอนย้ายธุรกิจบัตรเครดิตใกล้เรียบร้อยแล้ว เช่นเดียวกับระบบโมบายแบงกิ้ง ซึ่งจะต้องโอนย้ายข้อมูลและฐานลูกค้าทั้งหมดของธนชาต คอนเนค ธนาคารธนชาต และแอปพลิเคชัน มี บาย ทีเอ็มบี เข้ามาอยู่ทีเอ็มบี ทัชทั้งหมด ทำให้ช่วงกลางเดือนกรกฎาคมนี้ ลูกค้าจะเริ่มทำธุรกรรมต่างๆ ด้วยทีเอ็มบี ทัช เพียงแอปฯ เดียว ทั้งโอน จ่าย ธุรกรรมสินเชื่อ หรือดิจิทัลเซฟวิ่ง ของมี บาย ทีเอ็มบี ซึ่งหลังจากนั้นแอพธนชาต คอนเนคถึงจะหยุดให้บริการ
นายปิติ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ธนาคารเตรียมจัดประชุมผู้ถือหุ้นในเดือนเมษายนนี้ มีสาระสำคัญที่คณะกรรมการธนาคารได้อนุมัติไปก่อนหน้านี้ คือเรื่องเปลี่ยนชื่อมาเป็น ธนาคารทหารไทยธนชาต มีชื่อย่อหลักทรัพย์คือ ทีทีบี โดยหลังจากผู้ถือหุ้นอนุมัติหลังจากนั้นธนาคารจะปรับภาพลักษณ์องค์กรใหม่ทั้งหมด หรือทำรีแบรนด์ดิง ทั้งโลโก้ สี และอื่นๆ โดยต้องใช้งบลงทุนบางส่วน แต่วงเงินรีแบนด์ดิงคงไม่ได้มาก และจะเป็นการทยอยดำเนินการเพื่อให้ลูกค้าได้จดจำ คาดว่าจะได้เห็นในเดือนกรกฎาคมนี้ เช่นกัน