นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ตามที่วัดเอี่ยมวรนุชได้โพสต์ภาพและข้อความว่า วัดโดนเวนคืนที่ดิน และสิ่งปลูกสร้างเพื่อสร้างรถไฟฟ้า ปัจจุบันวัดเอี่ยมเนื้อที่เล็กมากเพียง 2 ไร่กว่า แทบไม่มีพื้นที่จัดกิจกรรม ต้องโดนเฉือนออกไป ตั้งแต่กำแพงวัด ซุ้มประตู ศาลา ทั้ง 2 หลังด้านหน้าวัด เจดีย์ขาว อายุเกือบร้อยปี รวมทั้งวิหารหลวงปู่ทวดและโบราณสถานของวัดเอี่ยมฯ ที่มีอายุกว่า 237 ปีแลกกับสถานีรถไฟฟ้าบางขุนพรหม เมื่อรถไฟฟ้ามา วัดวาก็ถูกทุบทำลายนั้น
การใช้อาจรัฐเวนคืนที่ดินบริเวณดังกล่าวมาเพื่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง(ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ) ดังกล่าว เป็นการกระทำที่ขัดต่อ พ.ร.บ.เวนคืนและการได้มา ซึ่งอสังหาริมทรัพย์ 2562 เนื่องจากกฎหมายดังกล่าว อนุญาตให้รัฐใช้อำนาจเวนคืนแต่เฉพาะที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์อย่างอื่นที่มิใช่ของรัฐเท่านั้น หากแต่วัดเอี่ยมวรนุช เป็นที่ธรณีสงฆ์ เป็นศาสนสถาน ตาม พ.ร.บ. คณะสงฆ์ 2505 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ประกอบ พ.ร.บ.ที่ราชพัสดุ 2562 จึงถือว่าเป็นที่ดินของรัฐโดยปริยาย
อีกทั้งการใช้อำนาจรัฐดังกล่าว ยังขัดต่อรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 27(1) ที่กำหนดหน้าที่ของรัฐต้องอนุรักษ์ ฟื้นฟู และส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่น ศิลปะ วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมและจารีตประเพณีอันดีของชาติเท่านั้น ซึ่งวัดเอียมวรนุชมีประวัติที่มาของวัดอย่างยาวนาน เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวพุทธทั้งประเทศ โดยเฉพาะมีรูปปั้นบูชาของหลวงปู่ทวด ที่คนไทยทั้งประเทศเคารพบูชา การที่ รฟม.จะเข้ามารื้อถอน ทำลายพื้นที่บางส่วนไปทำสถานีรถไฟฟ้า จึงถือได้ว่าเป็นการลบหรู่ความเชื่อทางศาสนา ศิลปวัฒนธรรม โดยไม่ตรึกตรองและฟังความรอบด้าน ย่อมนำมาซึ่งหายนะที่ไม่อาจเรียกคืนมาได้
นอกจากนั้นวัดเอียมวรนุชถือว่าเป็นโบราณสถาน มี พ.ร.บ.โบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ 2504 และที่แก้ไขเพิ่มเติม 2535 คุ้มครองอยู่ตาม ม.7 ทวิ ที่ห้ามมิให้ผู้ใดปลูกสร้างอาคารตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมการก่อสร้างอาคาร ภายในเขตของโบราณสถาน ซึ่งอธิบดีได้ประกาศขึ้นทะเบียนฯ ซึ่ง รฟม. มีทางเดียวคือ ต้องกลับไปทบทวนหาสถานที่ใหม่ในการสร้างสถานีรถไฟฟ้า
ดังนั้นหาก รฟม.ยังกล้าที่จะเดินหน้าใช้พื้นที่วัดเอี่ยมวรนุชมาสร้างสถานีขึ้น-ลงรถไฟฟ้า โดยทำลายแหล่งโบราณสถานของชาติดังกล่าวแล้วไซร้ สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยจะร่วมกับพี่น้องชาวพุทธทั่วประเทศ นำความขึ้นฟ้องต่อศาลปกครองเพื่อขอให้เพิกถอนการใช้อำนาจของ รฟม. ดังกล่าวต่อไปทันที
การใช้อาจรัฐเวนคืนที่ดินบริเวณดังกล่าวมาเพื่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง(ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ) ดังกล่าว เป็นการกระทำที่ขัดต่อ พ.ร.บ.เวนคืนและการได้มา ซึ่งอสังหาริมทรัพย์ 2562 เนื่องจากกฎหมายดังกล่าว อนุญาตให้รัฐใช้อำนาจเวนคืนแต่เฉพาะที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์อย่างอื่นที่มิใช่ของรัฐเท่านั้น หากแต่วัดเอี่ยมวรนุช เป็นที่ธรณีสงฆ์ เป็นศาสนสถาน ตาม พ.ร.บ. คณะสงฆ์ 2505 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ประกอบ พ.ร.บ.ที่ราชพัสดุ 2562 จึงถือว่าเป็นที่ดินของรัฐโดยปริยาย
อีกทั้งการใช้อำนาจรัฐดังกล่าว ยังขัดต่อรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 27(1) ที่กำหนดหน้าที่ของรัฐต้องอนุรักษ์ ฟื้นฟู และส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่น ศิลปะ วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมและจารีตประเพณีอันดีของชาติเท่านั้น ซึ่งวัดเอียมวรนุชมีประวัติที่มาของวัดอย่างยาวนาน เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวพุทธทั้งประเทศ โดยเฉพาะมีรูปปั้นบูชาของหลวงปู่ทวด ที่คนไทยทั้งประเทศเคารพบูชา การที่ รฟม.จะเข้ามารื้อถอน ทำลายพื้นที่บางส่วนไปทำสถานีรถไฟฟ้า จึงถือได้ว่าเป็นการลบหรู่ความเชื่อทางศาสนา ศิลปวัฒนธรรม โดยไม่ตรึกตรองและฟังความรอบด้าน ย่อมนำมาซึ่งหายนะที่ไม่อาจเรียกคืนมาได้
นอกจากนั้นวัดเอียมวรนุชถือว่าเป็นโบราณสถาน มี พ.ร.บ.โบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ 2504 และที่แก้ไขเพิ่มเติม 2535 คุ้มครองอยู่ตาม ม.7 ทวิ ที่ห้ามมิให้ผู้ใดปลูกสร้างอาคารตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมการก่อสร้างอาคาร ภายในเขตของโบราณสถาน ซึ่งอธิบดีได้ประกาศขึ้นทะเบียนฯ ซึ่ง รฟม. มีทางเดียวคือ ต้องกลับไปทบทวนหาสถานที่ใหม่ในการสร้างสถานีรถไฟฟ้า
ดังนั้นหาก รฟม.ยังกล้าที่จะเดินหน้าใช้พื้นที่วัดเอี่ยมวรนุชมาสร้างสถานีขึ้น-ลงรถไฟฟ้า โดยทำลายแหล่งโบราณสถานของชาติดังกล่าวแล้วไซร้ สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยจะร่วมกับพี่น้องชาวพุทธทั่วประเทศ นำความขึ้นฟ้องต่อศาลปกครองเพื่อขอให้เพิกถอนการใช้อำนาจของ รฟม. ดังกล่าวต่อไปทันที