นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากรายงานสถานการณ์และคุณภาพอากาศประเทศไทยของกรมควบคุมมลพิษ พบว่าช่วงนี้มีค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 เกินค่ามาตรฐานในหลายพื้นที่ของประเทศไทยตอนบน โดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือ อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน ซึ่งกลุ่มเสี่ยงจะเกิดการเจ็บป่วยหรือมีผลกระทบต่อสุขภาพที่รุนแรงมากกว่าประชาชนทั่วไป หากสัมผัสฝุ่นละอองปริมาณมากเป็นระยะเวลานาน
สำหรับกิจกรรมที่ก่อให้เกิดฝุ่น เช่น การเผาในที่โล่งหรือพื้นที่การเกษตร อาทิ เผาขยะ เผาวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร ข้าว ข้าวโพด อ้อย เศษวัชพืช ซึ่งการเผาดังกล่าวอาจเป็นสาเหตุของการเกิดไฟป่า รวมทั้งกิจกรรมในภาคอุตสาหกรรมที่เกิดจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงต่างๆ และการก่อสร้างในพื้นที่ เป็นต้น กรมควบคุมโรคจึงขอแนะนำวิธีการลดการเกิดฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 โดยขอให้งดการเผาในที่โล่งหรือพื้นที่การเกษตรซึ่งสามารถลดการเกิดไฟป่าได้ การสูบบุหรี่ การจุดธูป ควรดูแลทำความสะอาดบ้านให้ปลอดฝุ่น โดยการใช้ผ้าชุบน้ำเช็ด และปิดประตูหน้าต่างให้มิดชิด ส่วนการป้องกันตนเอง ขอให้ลดระยะเวลาในการทำกิจกรรมกลางแจ้ง เมื่อมีค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 เกินค่ามาตรฐาน และใช้อุปกรณ์ป้องกัน โดยการสวมหน้ากาก แว่นตา เสื้อแขนยาวขายาว เนื่องจากฝุ่นจะทำให้เกิดการระคายเคืองตาและผิวหนังได้ และดื่มน้ำให้มากๆ เพื่อบรรเทาอาการระคายเคืองคอ แสบคอ
ส่วนกลุ่มเสี่ยงที่ต้องดูแลเป็นพิเศษมี 2 กลุ่มใหญ่ ที่ต้องป้องกันตนเองจากฝุ่นละอองขนาดเล็กอย่างเหมาะสมและทันเวลา ก่อนที่จะเกิดการเจ็บป่วย ได้แก่ กลุ่มเปราะบาง เช่น เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ และกลุ่มที่มีโรคประจำตัว เมื่อได้รับฝุ่นจะเสี่ยงมีอาการรุนแรงได้ เช่น ผู้ป่วยภูมิแพ้ ผู้ป่วยโรคปอดเรื้อรัง ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจ ผู้ป่วยโรคตาอักเสบ เป็นต้น หากสงสัยหรือมีอาการผิดปกติ ควรรีบไปพบแพทย์โดยเร็ว
หากออกจากบ้าน ควรตรวจสอบค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 จากแอปพลิเคชัน Air4Thai และเว็บไซต์ www.air4thai.com ทุกครั้งก่อนเดินทาง เพื่อประเมินความเสี่ยงของตนเองในการสัมผัสฝุ่น และหาวิธีป้องกันตนเองที่เหมาะสมให้ปลอดภัยจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 จึงขอให้ประชาชนติดตามข่าวสารจากหน่วยงานราชการและเฝ้าระวังสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 อย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ ในช่วงที่ออกนอกบ้าน ขอให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด โดยสวมหน้ากาก 100% เว้นระยะห่าง ล้างมือบ่อยๆ