ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) สถาบันวิจัยความสุขชุมชนและความเป็นผู้นำ นำเสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง ปัญหาคาตาประชาชน กับ ปฏิรูปตำรวจ กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ จำนวน 1,782 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 23-26 กุมภาพันธ์ 2564 ที่ผ่านมา พบว่า จากการศึกษาปัญหาคาตาประชาชน พบว่า เกือบร้อยละร้อย คือร้อยละ 99.4 ระบุ ปัญหาคาตาประชาชนและรับรู้ คือ ยาเสพติดแพร่ระบาดหนักในชุมชน บ่อนพนัน ค้ามนุษย์ แรงงานต่างชาติ การซื้อขายตำแหน่ง และอื่นๆ
ที่น่าเป็นห่วงของข้อเท็จจริงที่ค้นพบคือ ส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 96.1 ระบุ ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่รัฐอื่นๆ ปล่อยปละละเลย ละเว้นปฏิบัติหน้าที่ เกิดความเหลื่อมล้ำในกระบวนการยุติธรรมต้นน้ำ ร้อยละ 93.5 ระบุ ตำรวจระดับสูงพัวพัน เก็บเกี่ยวผลประโยชน์กับขบวนการค้ายาเสพติด บ่อนพนัน ขนแรงงานเถื่อน ค้ามนุษย์ และอื่นๆ และร้อยละ 92.7 ระบุ ในองค์กรตำรวจมีปัญหาเหลื่อมล้ำ ไม่เป็นธรรมในการแต่งตั้งโยกย้าย
ที่น่าพิจารณาคือ แนวทางการปฏิรูปตำรวจ พบว่า ส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 97.1 ระบุว่า ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและผู้บริหารระดับสูงภายในองค์กรตำรวจต้องออกมาปฏิรูปตำรวจให้ชัดเจนด้วยตนเอง อย่าปล่อยให้สังคมกดดันนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แบบที่เป็นอยู่ตอนนี้ นอกจากนี้ ร้อยละ 96.1 ระบุ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและผู้บริหารระดับสูงต้องยอมรับความจริงเรื่องการแทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้าย และร้อยละ 96.1 เช่นกันระบุ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและผู้บริหารระดับสูงขององค์กรตำรวจ ต้องมีกฎหมายและกลไกทำให้ปลอดจากการแทรกแซงทุกรูปแบบ ใช้ระบบคุณธรรม ไม่ตกเป็นเครื่องมือของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ในขณะที่ร้อยละ 96.0 ระบุ ควรนำข้อมูลเสียงเรียกร้องของประชาชนมาปฏิรูปตำรวจให้สำเร็จในรัฐบาลนี้ และร้อยละ 95.0 ระบุ ควรนำข้อมูลจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภาฯ มาปฏิรูปตำรวจ
ที่น่าสนใจคือ ส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 96.2 ต้องการเห็นตำรวจเป็นตำรวจของประชาชน และร้อยละ 96.0 ต้องการเห็นตำรวจเป็นตำรวจผู้รับใช้ชุมชน ปฏิรูปตำรวจกระจายไปให้ถึงประชาชนระดับชุมชน ในขณะที่ร้อยละ 92.0 ระบุ พาม็อบคนลงถนนเพื่อปฏิรูปตำรวจไม่เกิดประโยชน์ ไม่ใช่ทางออกที่ดี กลับซ้ำเติมวิกฤตโควิดและวิกฤตเศรษฐกิจ ความเดือดร้อนทุกข์ยากของประชาชนมากยิ่งขึ้น
ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล กล่าวว่า จากการเกาะติดเรื่อปฏิรูปตำรวจมาร่วม 15 ปี พบว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบันเป็นปัญหาเดิมที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าในทุกยุคสมัยของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติที่วนเปลี่ยนกันขึ้นมา แต่องค์กรตำรวจหลังจากเปลี่ยนชื่อจากกรมตำรวจ มาเป็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็ยังไม่ทำให้ประชาชนทั้งประเทศเห็นได้ว่าปฏิรูปตำรวจได้สำเร็จ ผลที่ตามมาคือ ปัญหาและข้อเท็จจริงเรื่องการเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากขบวนการค้ายาเสพติด บ่อนพนัน การค้ามนุษย์ แรงงานต่างชาติ และอื่นๆ จึงอยู่ในการรับรู้ของประชาชนอย่างกว้างขวาง ทำลายความเชื่อมั่นศรัทธากระทบต่อเสาหลักของชาติ ทั้งๆ ที่ตำรวจและทุกหน่วยงานของรัฐมีภารกิจสำคัญที่ต้องทำให้เสาหลักของชาติเป็นที่รักของประชาชน ดังนั้น "วิกฤตคือโอกาส" ที่ตำรวจต้องเร่งปฏิรูปให้ตำรวจเป็นตำรวจของประชาชน เป็นตำรวจผู้รับใช้ชุมชน เสริมสร้างความรักความศรัทธาต่อองค์กรตำรวจและสถาบันหลักของชาติ ไม่ใช่กลายเป็นต้นตอต้นเหตุของการทำลายความรักความศรัทธาของประชาชนต่อเสาหลักของชาติเสียเอง