ศ.นพ.สุทธิพงศ์ วัชรสินธุ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย กล่าวถึงความคืบหน้าการพัฒนาวัคซีน "ChulaCov19" และความพร้อมในการทดสอบในอาสาสมัคร ว่า หลังจากมีการนำวัคซีน ChulaCov19 ทดสอบในลิงเข็มที่ 2 ลิงสามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้ในระดับสูง สุขภาพดี ทำให้มีความพร้อมจะเดินหน้าทดสอบวัคซีนในอาสาสมัคร โดยขณะนี้โรงพยาบาลและศูนย์วิจัยวัคซีน จุฬาฯ ได้จัดเตรียมความพร้อมของสถานที่ รวมไปถึงบุคลากรทางการแพทย์ และเจ้าหน้าที่ เพื่อรองรับการทดสอบในอาสาสมัครอย่างมีประสิทธิภาพ โดยให้ความสำคัญเรื่องของความปลอดภัยอย่างสูงสุด เพื่อให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่น มั่นใจในความปลอดภัยของการทดสอบฉีดวัคซีนครั้งนี้ โดยคาดว่าการทดสอบจะเริ่มได้ในช่วงปลายเดือนเมษายน หรือต้นเดือนพฤษภาคมนี้ โดยเฟสแรกทดสอบที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ 72 คน และเฟส 2 ทดสอบที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ และมหาวิทยาลัยมหิดล 300-600 คน
ศ.นพ.เกียรติ รักษ์รุ่งธรรม ผู้อำนวยการบริหารโครงการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ศูนย์วิจัยวัคซีน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อธิบายว่า วัคซีน ChulaCov19 เป็นวัคซีนชนิด mRNA ผลิตโดยสร้างชิ้นส่วนขนาดจิ๋วจากสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัสโคโรนา ซึ่งเป็นชิ้นส่วนที่ไม่ก่อให้เกิดเชื้อ และเมื่อร่างกายได้รับชิ้นส่วนของสารพันธุกรรมขนาดจิ๋วนี้เข้าไป จะทำการสร้างโปรตีนที่เป็นส่วนปุ่มหนามของไวรัส และกระตุ้นให้เกิดภูมิคุ้มกัน โดยหลังจากฉีดไม่กี่วัน mRNA นี้ จะถูกสลายไปโดยไม่มีการสะสมในร่างกาย
ทั้งนี้ จากการทดลองพบว่าวัคซีน ChulaCov19 ป้องกันโควิด-19 และลดจำนวนเชื้อในหนูทดลองที่ติดเชื้อโควิด-19 ได้ วัคซีนสามารถเก็บในอุณหภูมิในตู้เย็นอุณหภูมิปกติ 2-8 องศาเซลเซียลได้อย่างน้อย 1 เดือน ในอนาคตเตรียมพัฒนารุ่น 2 เพื่อทดสอบในหนูทดลอง รองรับเชื้อวัคซีนดื้อยาในอนาคต
ทางด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า โครงการพัฒนาวัคซีนโควิด ChulaCov19 ถือเป็นความหวังของประเทศ ซึ่งที่ผ่านมามีการสนับสนุนอย่างเต็มที่ เพราะต้องการจะให้การพัฒนาวัคซีนชนิดนี้ประสบความสำเร็จโดยเร็ว เพื่อให้ประชาชนปลอดภัยจากเชื้อโควิด-19 เพิ่มความมั่นคงของระบบสาธารณสุขของไทยและลดการพึ่งพาวัคซีนจากต่างประเทศ โดยระหว่างที่รอการพัฒนาวัคซีนในไทย กระทรวงสาธารณสุขก็มีการจัดหาวัคซีนจากต่างประเทศเข้ามา ซึ่งคิดว่าน่าจะเพียงพอต่อประชากรในประเทศ อย่างไรก็ตาม สิ่งเหล่านี้ถือเป็นสิ่งที่พิสูจน์ว่า ตนเองให้ความสำคัญกับการจัดหาวัคซีน ไม่ได้เป็นเหมือนอย่างที่ถูกอภิปรายโจมตีเมื่อวานนี้