นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ อดีตพระพุทธะ อิสระ อดีตเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก“หลวงปู่พุทธะอิสระ (Buddha Isara)”ระบุว่า บุตรพล่ามไม่หยุดเรื่องเครื่องราชฯ
เห็น ส.ส.พรรคพวก แสดงความกระสันอยากได้เครื่องราชฯ ถึงขนาดลงมือเขียนขอ บุตรคงจะเจ็บปวดหัวใจพอสมควร
ถึงขนาดออกมาพล่ามโพสต์ลงเฟซบุ๊กเสียตั้งหลายหน้า โดยมีเนื้อหาหลักๆ คือ การปฏิเสธที่จะขอรับเครื่องราชฯ แล้วสรุปท้ายด้วยคำกล่าวของ
“Pierre Bourdieu เคยกล่าวไว้ที่ไหนสักแห่งว่า ระบบการมอบรางวัลเหรียญตรา เกียรติยศ คือ เครื่องมือแห่งการครอบงำ ไม่เพียงแต่ช่วยแบ่งแยกคนออกเป็นพวกเป็นประเภทเท่านั้น แต่ยังช่วยล้อมกรอบให้คนอยู่ในโอวาทด้วย”
แต่พอมีกระแสสังคมโจมตีพวก ส.ส.พรรคก้าวไกล ที่แสดงตนแจ้งชัดว่าอยู่ตรงข้ามสถาบันมาตลอด แต่ดันเขียนขอรับพระราชทานเครื่องราชจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เมื่อเห็นว่าสังคมจะรุมทึ้งบรรดา ส.ส.พรรคก้าวไกลมากขึ้น จึงมีผู้กล้านามว่า ศศิพัฒน์ พงษ์ประภาพันธ์ หรือ กาณฑ์ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง กลุ่มอยากเลือกตั้ง และเป็นแนวร่วมของพวกคณะราษฎร 63 ได้โพสต์ข้อความให้กำลังใจสนับสนุนพวก ส.ส.พรรคก้าวไกลว่า
“นักการเมืองใครได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เป็นเรื่องปกติ ทุกพรรคได้หมด ทุกประเทศมีเครื่องราชฯ ยิ่งอังกฤษ นักการเมืองคนไหนมีความดีความชอบ ผลงานทำประโยชน์แก่ประชาชน ควีนเอลิซาเบธพระราชทานเครื่องราชฯ ชั้นสูง พร้อมสถาปนาบรรดาศักดิ์เป็น “อัศวิน” เลย ผู้ชายมียศนำหน้าเป็น Sir ถ้าเป็นผู้หญิงจะมียศนำหน้าด้วย Dame”
อ่านความคิดข้อเขียนของ นายปิยบุตร กับแนวร่วมอย่างนายกาณฑ์ ทั้งสองบทความแล้ว ทำให้รู้สึกสงสัยว่า ทำไมเขาไม่ตกลงกันเสียก่อน ว่าจะเอาอย่างไร
อยู่ดีๆ ออกมาหยามพวกเดียวกันซะงั้น
คนกลุ่มนี้ชอบทำอะไรที่มันย้อนแย้งกันอยู่ตลอดเวลา ดูท่าน่าจะวงแตกเสียแล้วหล่ะพี่น้อง