วันนี้ (23 ม.ค.) เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่กฎกระทรวง การจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีสงเคราะห์บุตร (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2564 โดย นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ลงนามเมื่อวันที่ 18 มกราคม ที่ผ่านมา
ระบุว่า อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 7 วรรคหนึ่ง และมาตรา 75 แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ.2533 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 กฎกระทรวงนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2564 เป็นต้นไป
ข้อ 2 ให้ยกเลิกความในข้อ 4 แห่งกฎกระทรวงการจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีสงเคราะห์บุตร พ.ศ.2561 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
"ข้อ 4 ประโยชน์ทดแทนในกรณีสงเคราะห์บุตรให้เหมาจ่ายเป็นเงินในอัตรา 800 บาท ต่อเดือนต่อบุตรหนึ่งคน"
พร้อมระบุเหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้คือ โดยที่เป็นการสมควรเพิ่มอัตราการจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีสงเคราะห์บุตร เพื่อให้ผู้ประกันตนได้รับเงินประโยชน์ทดแทนในกรณีสงเคราะห์บุตรในอัตราที่สูงขึ้น อันเป็นการบรรเทาภาระของผู้ประกันตน และให้สอดคล้องกับสภาพการณ์ทางเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้
ทั้งนี้ สำหรับกฎกระทรวงการจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีสงเคราะห์บุตร ฉบับเดิมข้อ 4 ระบุว่า "ประโยชน์ทดแทนในกรณีสงเคราะห์บุตรให้เหมาจ่ายเป็นเงินในอัตรา 600 ร้อยบาทต่อเดือนต่อบุตรหนึ่งคน"
ประกาศต้นฉบับ
ระบุว่า อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 7 วรรคหนึ่ง และมาตรา 75 แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ.2533 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 กฎกระทรวงนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2564 เป็นต้นไป
ข้อ 2 ให้ยกเลิกความในข้อ 4 แห่งกฎกระทรวงการจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีสงเคราะห์บุตร พ.ศ.2561 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน
"ข้อ 4 ประโยชน์ทดแทนในกรณีสงเคราะห์บุตรให้เหมาจ่ายเป็นเงินในอัตรา 800 บาท ต่อเดือนต่อบุตรหนึ่งคน"
พร้อมระบุเหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้คือ โดยที่เป็นการสมควรเพิ่มอัตราการจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีสงเคราะห์บุตร เพื่อให้ผู้ประกันตนได้รับเงินประโยชน์ทดแทนในกรณีสงเคราะห์บุตรในอัตราที่สูงขึ้น อันเป็นการบรรเทาภาระของผู้ประกันตน และให้สอดคล้องกับสภาพการณ์ทางเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้
ทั้งนี้ สำหรับกฎกระทรวงการจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีสงเคราะห์บุตร ฉบับเดิมข้อ 4 ระบุว่า "ประโยชน์ทดแทนในกรณีสงเคราะห์บุตรให้เหมาจ่ายเป็นเงินในอัตรา 600 ร้อยบาทต่อเดือนต่อบุตรหนึ่งคน"
ประกาศต้นฉบับ