นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยว่า สถานภาพหนี้ครัวเรือนปี 2563 และแนวโน้มจากการสำรวจกลุ่มตัวอย่างกว่า 1 ตัวอย่าง พบว่า จำนวนหนี้เฉลี่ยของครัวเรือนและการผ่อนชำระในปี 2563 มีสูงถึง 483,950 บาทต่อครัวเรือน ซึ่งขยายตัวสูงถึง 42.3% โดยปัจจัยที่ทำให้ก่อหนี้เพิ่มขึ้น เนื่องจากค่าครองชีพที่ปรับตัวสูงขึ้น ขาดรายได้เนื่องจากถูกออกจากงาน และรายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย ซึ่งหอการค้าไทยประเมินการสำรวจกลุ่มตัวอย่างดังกล่าว พบว่ายังเป็นการก่อหนี้ใหม่สูงมากกว่า 70% เป็นผลมาจากการเกิดโรคโควิด -19 เศรษฐกิจไม่ดี และมีหนี้เพิ่มเยอะขึ้น
สำหรับปัจจัยที่ทำให้มีโอกาสเกิดปัญหาชำระหนี้นั้น กลุ่มตัวอย่างมีความเห็นว่า มาจากปัญหาเศรษฐกิจไม่ดี 72.1% รองลงมาคือ ค่าครองชีพไม่สอดคล้องกับรายได้ 59.4% รายได้ที่รับลดลง 54.8% และการแพร่ระบาดของโควิด-19 สูงถึง 55%
ทั้งนี้ การก่อหนี้ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนั้น แม้ส่วนใหญ่กว่า 70% จะเป็นหนี้ก้อนใหม่ แต่ยังพบว่าหนี้ส่วนใหญ่ยังเป็นหนี้ในระบบ มีสัดส่วนอยู่ที่ 75.3% ขณะที่หนี้นอกระบบ มีสัดส่วนอยู่ที่ 24.7%
สำหรับปัจจัยที่ทำให้มีโอกาสเกิดปัญหาชำระหนี้นั้น กลุ่มตัวอย่างมีความเห็นว่า มาจากปัญหาเศรษฐกิจไม่ดี 72.1% รองลงมาคือ ค่าครองชีพไม่สอดคล้องกับรายได้ 59.4% รายได้ที่รับลดลง 54.8% และการแพร่ระบาดของโควิด-19 สูงถึง 55%
ทั้งนี้ การก่อหนี้ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนั้น แม้ส่วนใหญ่กว่า 70% จะเป็นหนี้ก้อนใหม่ แต่ยังพบว่าหนี้ส่วนใหญ่ยังเป็นหนี้ในระบบ มีสัดส่วนอยู่ที่ 75.3% ขณะที่หนี้นอกระบบ มีสัดส่วนอยู่ที่ 24.7%